SSI posted a net profit in Q3/09 of 1.31 billion baht with revenue from sales of hot rolled coil jumped 37% y-o-y to 9.18 billion baht, the highest sales revenue among Thailand steel companies. Achieved sales growth in both domestic and export market, with high rolling margin as well as effective cost reduction. “Bt. 300 million Cost Saving Program” successfully hit target earlier than expected, now raised the target to Bt. 400 million baht. Confident for SSI’s turnaround and production at 1.9 million tons this year.
Sahaviriya Steel Industries PLC (“SSI”) reveals that in the third quarter of 2009, the Company and its subsidiaries realized a total revenue of Bt. 9.33 billion. Revenue from sales of hot-rolled coil was Bt. 9.18 billion, up 37% y-o-y from the same period of last year and net profit increased to Bt. 1.31 billion or earning per share of Bt.0.10. For the nine months period, the Company and its subsidiaries realized total revenue of Bt. 24.07 billion and revenue from sales of hot-rolled coil of Bt. 23.56 billion, or 7% drop from the same period of last year. Net profit was Bt.122 million, representing earning per share of Bt. 0.01.
Mr. Win Viriyaprapaikit, President of Sahaviriya Steel Industries PLC, explains that the net profit in the third quarter of 2009 was mainly contributed by 1) boosting sales volume in both domestic and export market which resulted in 142% y-o-y increase in total sales volume, achieving highest revenue among Thai steel industry, 2) procuring stable slab supply at low cost to achieve high rolling margin 3) reducing yield loss and energy consumption to achieve low production cost. In addition, “Bt. 300 million Cost Saving Program” which has been initiated since early 2009 to promote cost cut throughout organization, already hit the target earlier than expected in October 2009 so the Company raised the new target to achieve Bt. 400 million baht saving within this year.
Mr. Win added that steel industry already passed the bottom and steel prices had recently shown sign of improvement since the second quarter of 2009 following restocking of downstream industries, and recovery of auto and energy sector. SSI has revised its production and sales volume to 1.9 million tons in response to increasing orders. In addition, the Company’s jointly-controlled entity and subsidiaries also posted positive operating results in Q3/09 and delivered good return to SSI. In Q3/09, Thai Cold Rolled Steel Sheet PLC (“TCRSS”) reported 68% q-o-q increase of sales volume and SSI realized net profit from investment in TCRSS of Bt. 63 million. For West Coast Engineering Co., Ltd. (“WCE”) and Prachuap Port Co., Ltd (“PPC”), SSI realized net profit from investment in WCE of Bt.17 million, and net profit from investment in PPC of Bt.11 million.
“2009 is being seen as a big turnaround year for SSI due to favorable environment which will create opportunity for stable slab supply. With competitive advantage in term of production capacity and cost, SSI has been able to increase sales volume in both existing and new customer and thus gaining more market share in domestic market. Meantime, we have achieved higher standard of services in order to keep our customer satisfied.
Global steel industry situation is gradually getting better with increasing level of consumer confidence, especially steel consumption in Asia is on the rise following stimulus plan by government of major countries which help increase demands in down-steam industries such as automobile and parts, energy, and construction sector. World Steel Association forecasts that world steel use in 2010 will rise 9.2%, where China’s will rise 5% and the world excluding China’s will rise 13%.
เอสเอสไอประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2552 กำไร 1,313 ล้านบาท
เอสเอสไอเปิดเผยผลการดำเนินงานไตรมาส3/2552กำไร 1,313 ล้านบาท มีรายได้จากการขายเหล็กแผ่นรีดร้อน 9,179 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 37 นับเป็นบริษัทเหล็กที่มียอดขายสูงสุดในประเทศไทย เผยยอดขายเพิ่มขึ้นทั้งจากตลาดภายในประเทศและส่งออก ค่าการรีดสูง ต้นทุนต่ำ ตั้งเป้าหมายการผลิตปีนี้ 1.9 ล้านตัน ด้านโครงการ“ประหยัด 300 ล้าน”สำเร็จก่อนกำหนด ประกาศประหยัดเพิ่มเป็น 400 ล้านภายในสิ้นปี มั่นใจปีนี้เอสเอสไอกลับมาแล้ว
บริษัท สหวิริยาสตีลอินดัสตรี จำกัด (มหาชน) หรือ เอสเอสไอ รายงานผลประกอบการไตรมาส3/2552 ว่า บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีรายได้รวม จำนวน 9,328 ล้านบาท โดยมีรายได้จากการขายเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดม้วนจำนวน 9,179 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,475 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 37 จากงวดเดียวกันของปีก่อน และมีผลกำไรสุทธิ จำนวน 1,313 ล้านบาท คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้นเท่ากับ 0.10 บาทต่อหุ้น สำหรับงวด 9 เดือน บริษัทฯ มีรายได้รวม 24,073 ล้านบาท โดยเป็นรายได้จากการขายเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดม้วนจำนวน 23,559 ล้านบาท ลดลง 1,756 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 7 จากงวดเดียวกันของปีก่อน และมีผลกำไรสุทธิ จำนวน 122 ล้านบาท คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้นเท่ากับ 0.01 บาทต่อหุ้น
นายวิน วิริยประไพกิจ กรรมการผู้จัดการใหญ่ กล่าวว่าผลกำไรที่เกิดขึ้นไตรมาส 3/2552 นี้ เนื่องจาก 1) การผลักดันการขายทั้งในส่วนของตลาดภายในประเทศและส่งออกเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้ปริมาณการขายเพิ่มขึ้นถึงอัตราร้อยละ 142 เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2551 นับเป็นยอดขายเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดม้วนที่สูงสุดในประเทศไทย 2) บริษัทสามารถจัดหาวัตถุดิบที่มีราคาถูกในปริมาณที่เหมาะสมตามความต้องการทำให้มีค่าการรีด (Rolling Spread) สูง 3) การควบคุมให้ส่วนสูญเสียจากการผลิตน้อยลง และควบคุมการใช้พลังงานให้น้อยลง ซึ่งนับว่าประสบความสำเร็จในการลดต้นทุนการผลิต สำหรับโครงการ “ประหยัด300ล้าน”ซึ่งเป็นโครงการรณรงค์ให้มีการประหยัดค่าใช้จ่ายทั่วทั้งองค์กรภายใต้มาตรการลดต้นทุนในการดำเนินงานเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับการดำเนินธุรกิจของบริษัท และต่อสู้กับภาวะวิกฤตเศรษฐกิจตั้งแต่ต้นปี 2552 บริษัทสามารถบรรลุเป้าหมายการประหยัดได้ในเดือนตุลาคม เร็วกว่าที่ตั้งไว้ ทั้งนี้บริษัทได้ปรับเป้าหมายประหยัดเพิ่มขึ้นเป็น 400 ล้านบาทภายในสิ้นปีนี้
นายวินกล่าวเพิ่มเติมว่า อุตสาหกรรมเหล็กได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว โดยมีสัญญานที่ดีจากราคาเหล็กที่ปรับตัวสูงขึ้นตั้งแต่ไตรมาสสองเป็นต้นมา เนื่องจากการกลับมาซื้อของผู้ใช้ (Restocking) ในอุตสาหกรรมต่อเนื่องซึ่งมีปริมาณสินค้าคงคลังต่ำ และการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมยานยนต์ อุตสาหกรรมพลังงาน บริษัทจึงได้ปรับเป้าหมายปริมาณการผลิตและจำหน่ายปี 2552 เป็น1.9 ล้านตัน เพื่อรองรับคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ การฟื้นตัวของอุตสาหกรรมเหล็กได้ส่งผลให้ ผลประกอบการของบริษัทร่วมทุน และบริษัทย่อยล้วนประสบผลสำเร็จในไตรมาสที่สามตามไปด้วย สามารถสร้างผลตอบแทนคืนสู่เอสเอสไอในระดับที่น่าพอใจ โดยบริษัทได้รับประโยชน์จากบริษัท เหล็กแผ่นรีดเย็นไทย จำกัด (มหาชน) (TCRSS) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุน ในด้านยอดขายในไตรมาส 3 ที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 68 จากไตรมาส 2 และรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทดังกล่าว จำนวน 63 ล้านบาท และรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทย่อย คือ บริษัท เวสท์โคสท์เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (WCE) จำนวน 17 ล้านบาท และบริษัท ท่าเรือประจวบ จำกัด (PPC) จำนวน 11 ล้านบาท ตามลำดับ
“ปี 2552 นับเป็นโอกาสที่ดีในการกลับมาของเอสเอสไอเพราะสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยและเสถียรภาพด้านวัตถุดิบ ด้วยกำลังการผลิตที่เอสเอสไอมีทำให้เราได้เปรียบเรื่องต้นทุนการผลิต เราสามารถเพิ่มปริมาณการขายได้ทั้งจากลูกค้าที่มีอยู่ในปัจจุบัน และลูกค้าใหม่ ส่งผลให้ส่วนแบ่งการตลาดของบริษัทเพิ่มมากขึ้นด้วย ทำให้เราต้องเพิ่มความเข้มข้นในการบริการที่รวดเร็วมีประสิทธิภาพเพื่อรักษาฐานลูกค้าไว้ให้ได้”
สำหรับภาวะอุตสาหกรรมเหล็กโลกเริ่มฟื้นตัวจากความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่เริ่มกลับมา โดยเฉพาะความต้องการใช้ที่เพิ่มขึ้นจากประเทศในแถบเอเชียจากแผนกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ ของรัฐบาลในหลายประเทศ ทำให้อุตสาหกรรมต่อเนื่อง อาทิ อุตสาหกรรมยานยนต์ อุตสาหกรรมพลังงาน อุตสาหกรรมการก่อสร้างเริ่มฟื้นตัวเช่นเดียวกัน และมีการกลับมาซื้อของผู้ใช้ (Restocking) ทั้งนี้ สถาบันเหล็กและเหล็กกล้าโลก (World Steel Association) ได้ประมาณการความต้องการใช้เหล็กของโลกในปี 2553 ว่าจะขยายตัวในอัตราร้อยละ 9.2 โดยประเทศจีน และประเทศอื่นๆ ของโลกจะมีความต้องการใช้เหล็กขยายตัวในอัตราร้อยละ 5 และร้อยละ 13 ตามลำดับ