Successfully overriding the volatile industry cycle, SSI reported 2010 net profit of Bt.2.47 billion, up 94% y-o-y. It was also able to reverse all retained loss in Q1/2010. Key success factors were the company’s commitment to transparency and good governance, high-grade product strategy, continual innovation in product and service quality, and effective cost reduction. Its two affiliates WCE and PPC, and TCRSS, JV company, also posted excellent results. With the acquisition of TCP under way, SSI expects to benefit from stable supply of raw materials that will enable it to achieve HRC production of to 3 million tons in 2012. While 2011 is starting off to be a good year with steel prices moving markedly upward.
Mr. Win Viriyaprapaikit, President of Sahaviriya Steel Industries PLC (“SSI”) reveals that in Q4/2010 the Company and its subsidiaries realized total revenues of Bt. 10.73 billion. Revenue from sales of hot-rolled coil was Bt. 10.52 billion, up 13% over Q4/2009 and net profit for the quarter was Bt. 76.8 million or earning per share of Bt. 0.01
For the full year 2010, the Company and its subsidiaries realized total revenues of Bt. 48.33 billion and revenue from sales of hot-rolled coil of Bt. 47.09 billion, up 43% y-o-y, and net profit of Bt. 2.47 billion, or earning per share of Bt. 0.19
“2010 was an excellent year for SSI as we successfully delivered an impressive result on a number of measures, including the record sales volume of 2.24 million tons, the record HSM production of 2.23 million tons, the record sales revenue of 47.79 billion baht, the 5th-highest annual net profit of Bt. 2.47 billion. The strong earnings really strengthened our balance sheet. We wiped out our retained loss in Q1/2010 and now have positive retained earnings. We intend to keep it that way and continue to deliver our shareholders’ return for years to come. This achievement was attributed to our commitment in transparency and good governance, our Premium Value Products Strategy which provided healthy margin and now accounted for 41% of total sales volume (high-grade 26% and unique product 15%), our continual innovation in product and service quality enabling us to secure 8 new customers while successfully delivering 14 new products into the market (8 new grades and 6 unique products), and our successful Cost-saving Program which resulted in Bt. 275.1 million baht in total cost saving.” Mr.Win added.
In addition, the Company’s jointly-controlled entity and subsidiaries posted positive operating results in 2010 and delivered good return to SSI. SSI has enjoyed direct benefits from Thai Cold Rolled Steel Sheet PLC (“TCRSS”), its jointly-controlled entity, through close marketing cooperation which helped boost sales volume up 32% up y-o-y. For the year 2010, SSI realized net profit from investment in TCRSS of Bt. 229 million. West Coast Engineering Co., Ltd. (“WCE”) also reported a net profit of Bt. 35 million and Prachuap Port Co., Ltd (“PPC”) realized a net profit of Bt. 89 million in 2010. In addition, the in-process acquisition of the Teesside Cast Products from Tata Steel Europe (the agreed purchase price is USD 500 million) will create stability in supply of raw materials to SSI essential in achieving the production volume of 3 million tons in 2012.
The Company is not only committed to successfully deliver returns for stakeholders, but also to continually engage in community, environment, and social responsibility activities through sustainable development approach ranking from educational and career development, environment conservation and preservation, health promotion, and religious and culture maintenance for the community as well as social activities to support the underprivileged people total 45 programs. In 2010, the Company received numbers of outstanding award at national level including honorable shield as the organization which achieved operations under Energy Promotion Project in Logistics Branch, Thailand Energy Award 2009, the Prime Minister’s Industry Award 2009 for Logistic Management, Thailand Best Employer for Labor Relations and Welfare Award without Federation of Labor Union’s category for the fifth consecutive year (2006-2010), an Environmental Governance Certificate, and the Certification for Corporate Social Responsibility, Department of Industrial Works (CSR-DIW).
As for global steel industry outlook in 2011, steel price has increased rapidly since the beginning of the year and is expected to rise further due to rising cost of raw materials such as iron ore and coal. The Iron and Steel Institution of Thailand (ISIT) estimates that Thailand’s steel consumption will increase from 14 million tons to 15 million tons in 2011 (67% flat steel) while the Company expects that the domestic HRC consumption will increase to 6 million tons, contributed by 16 % growth of high-grade products, following recovery of down-steam industries such as automobile and parts, energy, and construction sector. SSI also expects 2011 profit to rise as steel market is improving.
SSIเผยปี2553กำไร 2,467.9 ล้าน-ล้างขาดทุนสะสมหมด
มั่นใจปี2554“เหล็กขาขึ้น-ซื้อโรงถลุงสำเร็จ”กำไรดีขึ้น
เอสเอสไอฝ่าด่านอุตสาหกรรมเหล็กผันผวนปีเสือ รายงานผลการดำเนินงานปี 2553 กำไร 2,467.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าร้อยละ 94 ล้างขาดทุนสะสมสำเร็จ ส่งผลฐานะการเงินแกร่ง เผยยึดหลัก โปร่งใสมีธรรมาภิบาล – เน้นขายเหล็กแผ่นชั้นคุณภาพพิเศษ – เพิ่มส่วนแบ่งตลาดจากคุณภาพผลิตภัณฑ์/บริการใหม่ และลดต้นทุนดำเนินงานต่อเนื่อง สร้างสถิติสูงสุดของประเทศ ทั้งยอดขาย การผลิต และรายได้ ด้านบริษัทย่อย-ร่วมทุนมีกำไรและสร้างผลตอบแทนถ้วนหน้า เชื่อหลังซื้อโรงถลุงที่อังกฤษสำเร็จจะทำให้มีเสถียรภาพทางวัตถุดิบ ยอดผลิตปี 2555 แตะ 3 ล้านตันแน่ เผยปี 2554 เหล็กอยู่ในช่วงขาขึ้นสามารถทำกำไรได้ดีขึ้น
นายวิน วิริยประไพกิจ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สหวิริยาสตีลอินดัสตรี จำกัด (มหาชน) หรือ เอสเอสไอ เปิดเผยผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 4 ปี 2553 ว่า บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีรายได้รวม จำนวน 10,726.7 ล้านบาท โดยมีรายได้จากการขายเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดม้วนจำนวน 10,523.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,194.3 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 13 จากงวดเดียวกันของปีก่อน และมีผลกำไรสุทธิ จำนวน 76.8 ล้านบาท คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้นเท่ากับ 0.01 บาทต่อหุ้น
สำหรับผลการดำเนินงานงวด 1 ปี 2553 บริษัทฯ มีรายได้รวม 48,331.5 ล้านบาท โดยเป็นรายได้จากการขายเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดม้วนจำนวน 47,085.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14,198.3 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 43 จากงวดเดียวกันของปีก่อน และมีผลกำไรสุทธิ จำนวน 2,467.9 ล้านบาท คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้นเท่ากับ 0.19 บาทต่อหุ้น
“ ในปี 2553 ที่ผ่านมา บริษัทสามารถสร้างผลงานได้อย่างน่าประทับใจ ประกอบด้วย ยอดขายเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดม้วน 2.24 ล้านตันต่อปี ปริมาณการผลิตเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดม้วน 2.23 ล้านตัน รายได้จากการขาย 47,790.9 ล้านบาท กำไรสุทธิ 2,467.9 ล้านบาท สูงเป็นอันดับที่ห้าจากสถิติยอดกำไรของบริษัท ซึ่งได้สร้างความแข็งแกร่งทางการเงินให้เอสเอสไอ ทำให้บริษัทสามารถล้างยอดขาดทุนสะสมสำเร็จได้ตั้งแต่ไตรมาสที่ 1 บริษัทพยายามรักษาแนวทางนี้ไว้และดำเนินการต่อเนื่องเพื่อสร้างความแข็งแกร่งด้านผลตอบแทนแก่ผู้ถือหุ้นในปีต่อๆไป โดยมีกลยุทธหลักคือ 1.การดำเนินการโปร่งใสภายใต้หลักธรรมาภิบาลที่ดี 2. มุ่งเน้นการขายสินค้าประเภทเหล็กแผ่นชั้นคุณภาพพิเศษ (High Grade Product) ซึ่งมีอัตรากำไรส่วนต่างที่ดี โดยยอดขายร้อยละ 41 เป็นผลิตภัณฑ์ที่สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับลูกค้า (ร้อยละ 26เป็นเหล็กแผ่นชั้นคุณภาพพิเศษและร้อยละ 15 เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีลักษณะเฉพาะ) 3.การเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดด้วยคุณภาพสินค้าและบริการที่ดียิ่งขึ้น บริษัทได้พัฒนาสินค้าใหม่ 14 ชนิด แบ่งเป็น เหล็กแผ่นชั้นคุณภาพใหม่ 8 ชั้นคุณภาพ ผลิตภัณฑ์ที่มีลักษณะเฉพาะ 6 ชนิด และมีลูกค้าใหม่ 8 ราย และ 4. การลดต้นทุนในการดำเนินงานอย่างต่อเนื่องทำให้ สามารถลดค่าใช้จ่ายได้ทั้งสิ้น 275.1 ล้านบาท” กรรมการผู้จัดการใหญ่กล่าว และเพิ่มเติมว่า
สำหรับผลประกอบการของบริษัทร่วมทุน และบริษัทย่อยล้วนประสบผลสำเร็จในปี 2553 ตามไปด้วย และสามารถสร้างผลตอบแทนคืนสู่เอสเอสไอในระดับที่น่าพอใจ โดยบริษัทได้รับประโยชน์จากบริษัท เหล็กแผ่นรีดเย็นไทย จำกัด (มหาชน) (TCRSS) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุน ในด้านยอดขายในปี 2553 ที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 32 จากปีก่อน และรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทดังกล่าว จำนวน 229 ล้านบาท และรับรู้ผลการดำเนินงานบริษัทย่อย คือ บริษัท เวสท์โคสท์เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (WCE) ซึ่งมีผลกำไรจากการดำเนินงาน 35 ล้านบาท และบริษัท ท่าเรือประจวบ จำกัด (PPC) ซึ่งมีผลกำไรจากการดำเนินงาน 89 ล้านบาท นอกจากนี้ในวันที่ 27 สิงหาคม ที่ผ่านมา บริษัทได้ลงนามบันทึกความเข้าใจเบื้องต้นเพื่อซื้อสินทรัพย์โรงงานถลุงเหล็ก Teesside Cast Products (TCP) ของ Corus มูลค่าประมาณ 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐโดยคาดว่าหลังจากการซื้อขายสำเร็จ เอสเอสไอจะมีเสถียรภาพในการจัดหาวัตถุดิบเพื่อใช้ในกระบวนการผลิต ทำให้ปริมาณการผลิตและขายที่เพิ่มขึ้นเป็น 3 ล้านตันในปี 2555
บริษัทไม่เพียงแต่สร้างผลตอบแทนแก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในด้านธุรกิจเท่านั้น แต่ ยังคงมุ่งมั่นสร้างผลตอบแทนแก่ชุมชน สังคม สิ่งแวดล้อม อย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ โดยจัดทำโครงการพัฒนาชุมชนและสังคมที่มุ่งไปสู่ความยั่งยืน ทั้งทางด้านการพัฒนาการศึกษา การพัฒนารายได้สู่ชุมชน การดูและรักษาสิ่งแวดล้อม การดูและคุณภาพชีวิต วัฒนธรรม และสาธารณสุข รวมถึงกิจกรรมเพื่อสังคมสำหรับผู้ด้อยโอกาส รวม 45 กิจกรรมโครงการ นอกจากนี้บริษัทยังได้รับรางวัลต่างๆ ในระดับประเทศที่สำคัญ คือโล่ประกาศเกียรติคุณในฐานะองค์กรที่ประสบผลสำเร็จภายใต้โครงการส่งเสริมลดการใช้พลังงานในสาขาขนส่ง ปี 2553 รางวัลอุตสาหกรรมดีเด่นประจำปี 2552 ประเภทโลจิสติกส์ รางวัลเชิดชูเกียรติสถานประกอบกิจการดีเด่น ด้านแรงงานสัมพันธ์และสวัสดิการแรงงาน 5 ปี ติดต่อกัน (พ.ศ. 2549 – 2553) ประเภทไม่มีสหภาพแรงงาน เกียรติบัตรผู้ประกอบการที่ผ่านเกณฑ์ธรรมาภิบาลสิ่งแวดล้อม และเกียรติบัตรการปฏิบัติตามมาตรฐานความรับผิดชอบของผู้ประกอบการอุตสาหกรรมต่อสังคมต่อเนื่อง (CSR-DIW)
สำหรับภาวะอุตสาหกรรมเหล็กในปี 2554 นั้นราคาเหล็กปรับตัวสูงขึ้นนับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา และคาดว่าจะปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากราคาถ่านโค้กซึ่งเป็นวัตถุดิบปรับตัวสูงขึ้นมาก สถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทยประเมินความต้องการใช้เหล็กของประเทศไทย 2554จะเพิ่มขึ้นเป็น 15 ล้านตัน จากเดิมในปี 2553 ที่มีการบริโภคเหล็กในประเทศ 14 ล้านตัน ในจำนวนดังกล่าวเป็นเหล็กทรงแบน 2 ใน 3 ส่วน บริษัทประมาณการว่า ปริมาณการบริโภคเหล็กแผ่นรีดร้อนของประเทศจะยังคงขยายตัวอยู่ที่ 6 ล้านตัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดม้วนชั้นคุณภาพพิเศษซึ่งคาดว่าจะเติบโตร้อยละ 16 เนื่องจากการเติบโตของอุตสาหกรรมต่อเนื่อง อาทิ อุตสาหกรรมยานยนต์ อุตสาหกรรมพลังงาน อุตสาหกรรมการก่อสร้าง ที่มีความต้องการใช้เหล็กแผ่นที่มีคุณภาพสูงเป็นวัตถุดิบในการผลิต โดยตลาดสินค้าเหล็กแผ่นชั้นคุณภาพพิเศษดังกล่าวมีแนวโน้มการเติบโตสูงในระยะยาว ซึ่งจะส่งผลให้แนวโน้มกำไรของบริษัทในปี 2554 จะดียิ่งขึ้น