On 31 October 2012, Sahaviriya Steel Industries Public Company Limited or “SSI”, JFE Steel Corporation or “JFE” and Marubeni-Itochu Steel Inc. or “MISI” signed PARTNERSHIP AGREEMENT.
JFE and MISI will invest USD25 million each (USD 50 million in total) in subscribing SSI new ordinary shares at the price of 0.68 baht per share under SSI’s Comprehensive Financial Plan.
JFE and MISI will increase its stake in the existing joint venture company, Thai Cold Rolled Steel Sheet Public Company Limited (“TCRSS”) by buying shares from SSI for the total amount of approximately USD 50 million. After completion of the deal, SSI and JFE will each hold 36.04% of the shares in TCRSS, and MISI 25.10%. Also, JFE will provide technical assistance, assist and transfer to TCRSS the necessary technology for producing stable supplies of cold rolled steel sheets to meet the growing demand of the Thai automotive industry.
In order to strengthen JFE-MISI-SSI business partnership, the three firms agree that JFE shall support SSI Group with continuous steel supply, which provides additional raw material stability for SSI.
In addition, JFE agrees to support SSI Group in the effort to continuously improve operational performance through technical cooperation.
The three firms foresee growing demand in the ASEAN market, especially in high grade steel sheet products for the automobile industry. The cooperation of SSI-JFE-MISI under the Partnership Agreement, will result in better products and services for the customers in the region. In the Thai market in particular, this partnership will lead to more localization of high grade steel sheet and add value to the customers and local industries.
Win Viriyaprapaikit, Group CEO and President of SSI, reveals that the Partnership Agreement deepens the strategic alliance and the commitment between the partners, which will result in better products and service for the customers.
“The first pillar of our growth is upstream integration, which started with the successful restart of SSI Teesside plant in the UK and is providing the raw material security to our business. The second pillar of growth is downstream integration – this business partnership provides us with the technology and access to the growing high-end market. We are fundamentally transforming our business to be able to better serve our customers and capture the opportunities in this growing Asean market.”
About SSI-JFE-MISI
SSI
Sahaviriya Steel Industries PLC or SSI is ASEAN’s largest fully-integrated flat steel producer with 4 million ton annual capacity of hot rolled steel sheet in coils (HRC). SSI endeavors to supply premium-grade steel sheets to cater to the region’s growing demand in various sectors such as automobile, energy, transportation and construction sectors. In the upstream side, SSI owns SSI Teesside, a 3.6 million tons per annum fully-integrated iron-steel making plant located in Redcar in the northeast of UK, through a wholly-owned subsidiary Sahaviriya Steel Industry UK Limited (“SSI UK”). SSI Teesside supplies premium-grade steel slabs to SSI to feed its growing demand, as well as to other rolling mills around the world. In the downstream side, SSI has investments in joint-venture downstream plants: namely Thai Cold Rolled Steel Sheet Public Company Limited (“TCRSS”) – Thailand’s first and largest cold roll mill, and Thai Coated Steel Sheet Co Ltd (“TCS”) – Southeast Asia’s first and largest electro-galvanizing line. All SSI’s plants in Thailand are located on a world-class coastal industrial site in Bang Saphan, Prachuap Khirikhan Province, 400km south of Bangkok on the western peninsula of Thailand, where they are efficiently integrated with its privately-owned deep-sea port (Prachuap Port Co Ltd or PPC), which allows import of raw materials and export of finished products in large economy of scale. SSI extends its engineering capabilities into its wholly-owned subsidiary, West Coast Engineering Co Ltd or WCE, which specializes in engineering, maintenance, spare parts production, fabrication, erection and commissioning service. Our people’s passion and energy is captured in the Company’s vision statement – “innovate premium value steel products and services for customers; generate consistent profit and sustainable value for stakeholders.”
JFE Steel Corporation
JFE Steel Corporation is the main operating company under JFE Holdings, Inc. It was established upon consolidation of former Kawasaki Steel Corporation and NKK Corporation in 2003. JFE Steel is one of the largest integrated steel producers in the world, with a complete range of high quality steel products to meet the diverse needs of customers not only in Japan but throughout the world, especially in the Asian region.
JFE Steel Corporation has three main production centers: two large coastal steelworks in eastern and western Japan, and the Chita Works, which specializes in the production of pipes and tubes. All of these facilities use advanced technologies to efficiently produce high-quality steel products. The company also has technical research centers at both steelworks and at the Chita Works for the development and application of the most advanced steelmaking technologies in the world.
Marubeni Itochu Steel (MISI)
Marubeni-Itochu Steel Inc. (MISI) was formed in October 2001 when Itochu Corporation and
Marubeni Corporation – two major general trading companies or sogo-shosha – merged their steel divisions. Half (50%) of its shares is owned by Itochu Corporation and another (50%) by Marubeni Corporation.
MISI is steadily expanding its overseas bases in a quest to meet the demands in global steel market, and is devoted to creating a vast range of innovative business models with pioneering a new era in every facet of the steel business as an integrated producer in the steel distribution realm.
SSI-JFE-MISI กระชับสัมพันธ์ธุรกิจแกร่งผ่านแผนจัดโครงสร้างการเงินแบบเบ็ดเสร็จของเอสเอสไอ
พร้อมจับมือลุยตลาดเหล็กชั้นคุณภาพพิเศษในไทย
เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2555 บริษัท สหวิริยาสตีลอินดัสตรี จำกัด (มหาชน) หรือ เอสเอสไอ บริษัท JFE Steel Corporation หรือ JFE และ Marubeni-Itochu Steel Inc. หรือ MISI ได้ลงนามข้อตกลงหุ้นส่วนธุรกิจ (Partnership Agreement)
JFE และ MISI จะลงทุนในหุ้นเพิ่มทุนของเอสเอสไอรายละ 25 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นวงเงินรวม 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในราคา0.68 บาทต่อหุ้น ตามแผนการจัดโครงสร้างการเงินแบบเบ็ดเสร็จของเอสเอสไอ
นอกจากนี้ JFE และ MISI จะลงทุนเพิ่มเติมใน บริษัท เหล็กแผ่นรีดเย็นไทย จำกัด (มหาชน) หรือ “TCR” ซึ่งเป็นบริษัทร่วมลงทุนของเอสเอสไอ โดยซื้อหุ้นในส่วนที่เอสเอสไอถืออยู่เป็นวงเงินรวมประมาณ 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยหลังจากทำรายการแล้วเสร็จเอสเอสไอ และ JFE จะถือหุ้นใน TCR แห่งละร้อยละ 36.04 และ MISI ถือหุ้นร้อยละ 25.10 โดย JFE จะสนับสนุนด้านเทคนิค ให้ความช่วยเหลือและถ่ายทอดเทคโนโลยีที่สำคัญ ให้กับTCR เพื่อการผลิตและจำหน่ายเหล็กแผ่นรีดเย็นสำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ ที่กำลังเติบโตในประเทศไทย
และเพื่อกระชับความสัมพันธ์ทางธุรกิจระหว่าง JFE-MISI-SSI ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นทั้งสามบริษัทเห็นชอบให้ JFE สนับสนุนผลิตภัณฑ์เหล็กให้กับกลุ่มเอสเอสไออย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างเสถียรภาพและความมั่นคงด้านวัตถุดิบ ให้กับกลุ่มเอสเอสไอ
ในขณะเดียวกัน JFE ตกลงที่จะสนับสนุน กลุ่มเอสเอสไอในการปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงานอย่างต่อเนื่องโดยแลกเปลี่ยนและความร่วมมือทางด้านเทคนิค
จากความต้องการใช้เหล็กที่เติบโตในภูมิภาคอาเซียนโดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ชั้นคุณภาพพิเศษในภูมิภาคสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ ความร่วมมือของพันธมิตรธุรกิจนี้จะนำไปสู่ผลิตภัณฑ์และบริการที่ดีขึ้นสู่ลูกค้าในภูมิภาค โดยเฉพาะอย่างยิ่งตลาดในประเทศไทยทำให้มีการใช้เหล็กชั้นคุณภาพพิเศษที่ผลิตได้ในประเทศมากขึ้น สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับลูกค้าและอุตสาหกรรมในประเทศอีกด้วย
นายวิน วิริยประไพกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม และ กรรมการผู้จัดการใหญ่เอสเอสไอ เปิดเผยว่า การบรรลุข้อตกลงหุ้นส่วนธุรกิจนี้เป็นการกระชับความสัมพันธ์ของพันธมิตรธุรกิจที่แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้นนี้รวมถึงพันธกิจระหว่างกันซึ่งจะทำให้ลูกค้าได้รับผลิตภัณฑ์และบริการที่ดีขึ้น
“การเติบโตของเอสเอสไอมาจากสองส่วนหลัก ส่วนแรกคือการเชื่อมโยงขึ้นไปเหล็กต้นน้ำครบวงจร ซึ่งเริ่มต้นด้วยความ สำเร็จจากการกลับมาผลิตของโรงงานเอสเอสไอ ทีไซด์เมื่อต้นปี 2555 และได้สร้างความมั่นคงด้านวัตถุดิบให้กับธุรกิจของเรา ส่วนที่สองคือจากการเชื่อมโยงลงไปเหล็กปลายน้ำ ข้อตกลงหุ้นส่วนธุรกิจนี้จะสนับสนุนเราในด้านเทคโนโลยีและเปิดตลาดเหล็กชั้นคุณภาพพิเศษ เราวางรากฐานธุรกิจเพื่อสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่ดีขึ้น และช่วงชิงโอกาสจากการเติบโตของตลาดอาเซียนนี้” นายวินกล่าว
เกี่ยวกับเอสเอสไอ
บริษัท สหวิริยาสตีลอินดัสตรี จำกัด (มหาชน) หรือ เอสเอสไอ เป็นผู้ผลิตเหล็กครบวงจรรายใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยกำลังการผลิตเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดม้วนสูงสุด 4 ล้านตันต่อปี โดยมุ่งเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์เหล็กแผ่นชั้นคุณภาพพิเศษเพื่อรองรับความต้องการใช้เหล็กที่เพิ่มขึ้นของภูมิภาค สำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ พลังงาน การขนส่ง และการก่อสร้าง สำหรับอุตสาหกรรมเหล็กต้นน้ำ เอสเอสไอได้ลงทุนในโรงงานเอสเอสไอ ทีไซด์ ซึ่งเป็นโรงงานถลุงเหล็กและผลิตเหล็กกล้าครบวงจรที่ทันสมัย ตั้งอยู่ในเมืองเรดคาร์ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศอังกฤษ มีกำลังการผลิตเหล็กแท่งแบน 3.6 ล้านตันต่อปี ภายใต้การดำเนินงานของบริษัท สหวิริยาสตีลอินดัสตรี ยูเค จำกัด (เอสเอสไอ ยูเค) โดยลงทุนร้อยละ 100 เอสเอสไอ ทีไซด์ ผลิตเหล็กแท่งแบนชั้นคุณภาพสูงส่งเป็นวัตถุดิบให้เอสเอสไอ เพื่อรองรับการผลิตของบริษัทและความต้องการในตลาดโลกที่เพิ่มขึ้น ส่วนการลงทุนในอุตสาหกรรมเหล็กปลายน้ำ บริษัทได้ร่วมลงทุนในโครงการต่อเนื่องปลายน้ำที่สำคัญ ประกอบด้วยบริษัท เหล็กแผ่นรีดเย็นไทยจำกัด (มหาชน) (TCRSS) ซึ่ง เป็นผู้ผลิตเหล็กแผ่นรีดเย็น รายแรกและรายใหญ่ที่สุดของประเทศไทย บริษัท เหล็กแผ่นเคลือบไทย จำกัด (TCS) ผู้ผลิตเหล็กแผ่นเคลือบสังกะสีด้วยกรรมวิธีทางไฟฟ้ารายแรกและรายใหญ่ที่สุดของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โรงงานทั้งหมดในประเทศไทยของกลุ่มเอสเอสไอ ตั้งอยู่บนชายฝั่งด้านตะวันตกของอ่าวไทย ณ อำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงเทพมหานครเพียง 400 กิโลเมตร และเป็นทำเลยุทธศาสตร์ที่ดีที่สุดในประเทศสำหรับการดำเนินธุรกิจเหล็กแบบครบวงจร บริษัท ท่าเรือประจวบ จำกัด (PPC) ให้บริการท่าเรือพาณิชย์เอกชน ที่มีความลึกที่สุดในประเทศไทยรองรับการขนถ่ายวัตถุดิบและผลิตภัณฑ์เหล็กได้ในปริมาณมาก นอกจากนี้ เอสเอสไอยังขยายขีดความสามารถในงานวิศวกรรมบริการโดยลงทุนร้อยละ 100 ในบริษัท เวสท์โคสท์ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (WCE) ให้บริการงานด้านวิศวกรรมและซ่อมบำรุง รวมถึงการออกแบบทางวิศวกรรมที่มีความเชี่ยวชาญในธุรกิจเหล็ก พนักงานของเอสเอสไอทุกคนมีความมุ่งมั่น และพลังขับเคลื่อนสู่ความสำเร็จ ซึ่งสะท้อนผ่านวิสัยทัศน์พันธกิจของบริษัท “สร้างสรรค์นวัตกรรมผลิตภัณฑ์เหล็กและบริการที่มีมูลค่าเพิ่มกับลูกค้า สร้างกำไรสม่ำเสมอ สร้างผลตอบแทนแก่ผู้มีส่วนได้เสียอย่างยั่งยืน”
เกี่ยวกับ JFE Steel Corporation
JFE Steel Corporation เป็นผู้ประกอบการอุตสาหกรรมผลิตเหล็กที่จัดตั้งขึ้นจากการควบรวมกิจการของ คาวาซากิและ NKK และ Kawasaki Steel เมื่อเดือนเมษายน 2003 โดย JFE เป็นหนึ่งในบริษัทเหล็กครบวงจรรายใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยผลิตภัณฑ์เหล็กคุณภาพสูงซึ่งตอบรับความต้องการที่หลากหลายของลูกค้าทั้งในประเทศญี่ปุ่นและทั่วโลก โดยเฉพาะในทวีปเอเซีย
JFE Steel Corporation มีศูนย์การผลิตเหล็กหลักสามแห่ง โดยสองแห่งเป็นโรงงานเหล็กกล้าขนาดใหญ่แถบชายฝั่งตะวันออกและตะวันตกของญี่ปุ่น และอีกแห่งเป็น โรงงานซึ่งเชี่ยวชาญในการผลิตท่อโรงงานที่เมืองชิตะ (Chita) ศูนย์การผลิตเหล็กทั้งสามแห่งนี้ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงและมีประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเหล็กคุณภาพสูง นอกจากนี้ทุกแห่งมีศูนย์การวิจัยทางเทคนิคเพื่อพัฒนาและการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุดในโลก
JFE Steel Corporation เป็นผู้ผลิตเหล็กชั้นนำของโลกและผู้เชี่ยวชาญด้านนวัตกรรมเทคโนโลยี JFE ตอบสนองความต้องการในตลาดไฮเอนด์โลกด้วยการเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีลักษณะเฉพาะและความสามารถในการใช้งานที่หลากหลาย นอกจากนี้ JFE ยังเพิ่มเครือข่ายทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าญี่ปุ่นด้วยความมั่นคงด้านอุปทานเหล็กโดยเข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับผู้ผลิตเหล็กชั้นนำทั่วโลก JFE มุ่งมั่นที่จะส่งเสริมชุมชนและสังคมด้วยการพัฒนาและคิดหาทางออกสำหรับปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจัง
เกี่ยวกับมารูเบนิ อิโตชู สตีล (Marubeni Itochu Steel)
Marubeni-Itochu Steel Inc. (MISI) ก่อตั้งขึ้นในเดือนตุลาคมปี 2001จากการควบรวมสายงานผลิตภัณฑ์เหล็กของบริษัทการค้ารายสำคัญ คือ มารูเบนิ คอร์ปอเรชั่น (Marubeni Corporation) และ บริษัท อิโตชู คอร์ปอเรชั่น โดยทั้งสองแห่งถือหุ้นใน MISI แห่งละร้อยละ 50
MISI ได้ขยายฐานธุรกิจอย่างต่อเนื่องยายฐานในต่างประเทศเพื่อแสวงหาและตอบสนองความต้องการในตลาดเหล็กโลก และทุ่มเทสร้างรูปแบบธุรกิจนวัตกรรมที่มีความหลากหลาย บุกเบิกธุรกิจเหล็กยุคใหม่ในทุกๆด้าน ในฐานะผู้ผลิตเหล็กแบบบูรณาการและช่องทางการจัดจำหน่าย