15Dec/23

ศาลมีคำสั่งให้ยกเลิกการฟื้นฟูกิจการของบริษัท สหวิริยาสตีลอินดัสตรี จำกัด (มหาชน) มุ่งสร้างความแข็งแกร่ง-เติบโตอย่างยั่งยืน

นายนาวา จันทนสุรคน  กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สหวิริยาสตีลอินดัสตรี จำกัด (มหาชน) หรือ เอสเอสไอ เปิดเผยว่าตามที่บริษัทได้ยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการต่อศาลล้มละลายกลาง (“ศาล”) และศาลได้มีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการโดยแต่งตั้งบริษัทฯ เป็นผู้ทำแผนฟื้นฟูกิจการ (“ผู้ทำแผน”) เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2559 ต่อมาในวันที่ 15 ธันวาคม 2559 ศาลล้มละลายกลางได้มีคำสั่งเห็นชอบด้วยแผนฟื้นฟูกิจการและโดยที่แผนฟื้นฟูกิจการได้กำหนดให้ บริษัทฯ เป็นผู้บริหารแผน (“ผู้บริหารแผน”) นั้น
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาภายใต้กระบวนการฟื้นฟูกิจการ บริษัทฯ ในฐานะผู้บริหารแผน ได้ดำเนินการตามแผนฟื้นฟูกิจการอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งสามารถบรรลุผลสำเร็จตามที่กำหนดไว้ในแผนฟื้นฟูกิจการได้ครบเงื่อนไขทุกข้อ กล่าวคือ

  1. ชำระหนี้เงินต้นคงค้างให้แก่เจ้าหนี้ทุกรายตามแผนฟื้นฟูกิจการ (รวมถึงการชำระหนี้ด้วยการชำระเงินสด การแปลงหนี้เป็นทุนครั้งที่ 1 และการชำระหนี้เพิ่มเติมจากกระแสเงินสดส่วนเกินในข้อ 2) รวมทั้งสิ้นจำนวน 11,269 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 20.16 ของภาระหนี้เงินต้นรวมที่ต้องชำระ
  2. ชำระหนี้เงินต้นคงค้างจากกระแสเงินสดส่วนเกิน รวมทั้งสิ้นจำนวน 2,563 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 22.75 ของจำนวนหนี้ที่ได้ชำระหนี้เงินต้นในข้อ 1)
  3. ชำระหนี้ตามแผนของแผนฟื้นฟูกิจการ โดยไม่ผิดนัดชำระหนี้ติดต่อกันไม่น้อยกว่าระยะเวลา 34 เดือน นับจากวันที่ศาลมีคำสั่งเห็นชอบด้วยแผนฟื้นฟูกิจการฉบับแก้ไข เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2563 เป็นต้นมา และ
  4. ผู้บริหารแผนและบรรดาเจ้าหนี้ที่มีจำนวนหนี้รวมกันไม่น้อยกว่าร้อยละ 75 ของจำนวนหนี้คงค้างของเจ้าหนี้ตามแผนฟื้นฟูกิจการได้พิจารณาแล้ว มีความเห็นร่วมกันว่า บริษัทฯ มีศักยภาพและมีความพร้อม ตลอดจนมีความสามารถที่จะดำเนินธุรกิจต่อไปได้หลังจากออกจากกระบวนการฟื้นฟูกิจการ

บริษัทฯ จึงได้ยื่นคำขอให้ศาลมีคำสั่งยกเลิกการฟื้นฟูกิจการ โดยเมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2566 ศาลได้พิจารณาคำร้องและมีคำสั่งให้ยกเลิกการฟื้นฟูกิจการของบริษัทฯ ตามมาตรา 90/70 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483

“บริษัทฯ ยังคงมีความมุ่งมั่นที่จะดำเนินกิจการของบริษัทฯ ให้มีความแข็งแกร่ง  เติบโตต่อไปในอนาคตอย่างยั่งยืน บริษัทฯ ขอขอบคุณผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในกระบวนการฟื้นฟูกิจการที่ให้การสนับสนุนตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา จนทำให้การฟื้นฟูกิจการประสบความสำเร็จ ตลอดจนผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกท่านที่ยังคงเชื่อมั่นบริษัทฯ เสมอมา บริษัทฯ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับการสนับสนุนจากทุกท่านต่อไปในอนาคต“ กรรมการผู้จัดการใหญ่เอสเอสไอกล่าว

The Court ordered the termination of the Business Rehabilitation of SSI
Carry on the business toward strength and sustainable growth

Referring to the petition for Business Rehabilitation of Sahaviriya Steel Industries Public Company Limited (SSI), the Central Bankruptcy Court (the “Court”) issued an order for Business Rehabilitation and appointed the Company as a Plan Preparer (the “Plan Preparer”) on 10 March 2016. Later, on 15 December 2016, the Court issued an order to approve the Company’s Business Rehabilitation Plan which determined the Company as the Plan Administrator (the Plan Administrator”).

Mr. Nava Chantanasurakon, President of SSI, reveals that throughout the period under business rehabilitation process, the Company as the Plan Administrator had continually implemented on the business rehabilitation plan until the Company completely achieved all the conditions of success of the business rehabilitation plan which are:

  1. Repayment (including by means of cash payment, 1st debt to equity conversion and additional cash repayment from excess cash under point 2 below) of the outstanding principal to each creditor in the amount of 11,269 MB, or 20.16% of the outstanding principal that the Company has to pay under the Plan;
  2. Repayment of the outstanding principal from excess cash to creditors under the rehabilitation plan in the amount of 2,563 MB, or 22.75% of the debt repayment stated in point 1); 
  3. Continuous repayment of the outstanding debt under the rehabilitation plan without default for not less than 34 months consecutively starting from the Court’s approval of the amended plan on 18 September 2020 onward; and  
  4. The Plan Administrator and creditors with total amount of more than 75% of the outstanding debt under the plan has a common opinion that the Company has the potential and readiness as well as ability to continue the business after leaving the business rehabilitation process.

The Company, therefore, submitted a petition to the Court for termination of the business rehabilitation process. Consequently, on 13 December 2023, the Court has an order of termination of the Company’s business rehabilitation, in accordance with section 90/70 of the Bankruptcy Act B.E. 2483.

“The Company remains commit to carry on the business toward strength and sustainable growth. The Company would like to thank those who involved in the business rehabilitation process for their contribution of all efforts throughout the period of the business rehabilitation making the business rehabilitation successful, as well as all stakeholders who have always believed in the Company and sincerely hopes that the Company will continue to receive supports in the future.” President of SSI said.

14Dec/23

เพิ่มพื้นที่สีเขียวเพื่อสุขภาพ-คุณภาพชีวิตที่ดี กลุ่มเหล็กสหวิริยาหนุนปลูกป่าสมุนไพรทุ่งนุ่น

กลุ่มเหล็กสหวิริยา โดยนางนฤมล สุภาพงษ์ ผู้จัดการอาวุโสชุมชนสัมพันธ์ สำนักการพัฒนาที่ยั่งยืนและสื่อสารกลุ่ม บริษัท สหวิริยาสตีลอินดัสตรี จำกัด (มหาชน) สนับสนุนน้ำดื่ม พร้อมร่วมพิธีเปิดกิจกรรม “ปลูกป่าสมุนไพร สวนไพรยาอาหาร โครงการบ้านมั่นคงชนบทตำบลพงศ์ประศาสน์” ภายใต้การดำเนินงานของ คณะกรรมการหมู่บ้าน หมู่ที่ 10 บ้านทุ่งนุ่น ต.พงศ์ประศาสน์ นำโดย นายกระจ่าง ศรีเพียงจันทร์ ผู้ใหญ่บ้าน นายชิตร์ ขาวเผือก กรรมการหมู่บ้านผู้ทรงคุณวุฒิ และ นางอารยา จงเจียมดี ประธานโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้อมนิคมสหกรณ์ตำบลพงศ์ประศาสน์ โดยได้รับเกียรติจากนางสาวนิลวรรณ์ คชเวช ปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลพงศ์ประศาสน์ เป็นประธานในพิธี
ทั้งนี้ กิจกรรมดังกล่าวได้รับความร่วมมือจากสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ส่งบุคลากรเข้าร่วมเป็นวิทยากรประกอบด้วย นางเนาวรัตน์ สายชุ่มอินทร์ นักวิชาการสิ่งแวดล้อมชำนาญการ ผู้อำนวยการส่วนยุทธศาสตร์ นายสมชาย นาคซื่อตรง ผู้อำนวยการส่วนทรัพยากรธรรมชาติ และ นายรัฐพล ทิพย์สุวรรณ นักวิเคราะห์นโยบายและแผนปฏิบัติการ ร่วมถ่ายทอดความรู้ในหัวข้อเรื่อง ”ความสำคัญของการปลูกป่า ประโยชน์ที่ได้รับจากพืชสมุนไพรต่อสุขภาพ เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี“ พร้อมแจกพันธุ์กล้าไม้ จำนวน 1,300 ต้น มอบให้แก่ผู้นำชุมชน หมู่ที่ 1-9 เพื่อนำไปปลูกในพื้นที่ของแต่ละหมู่บ้าน โดยมีผู้นำชุมชน บุคลากรจากองค์การบริหารส่วนตำบลพงศ์ประศาสน์ ประชาชนในพื้นที่ รวมถึงคณะครูและนักเรียน โรงเรียนบ้านสวนหลวง เข้าร่วมกิจกรรม จำนวน 80 คน ณ ป่าชุมชนเขาขวาง หมู่ที่ 10 ต.พงศ์ประศาสน์ อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์

13Dec/23

กลุ่มเหล็กสหวิริยา จัดสอนเสริม-ทบทวนความรู้ผลักดันเยาวชนบางสะพาน สู่รั้วมหาวิทยาลัยในฝัน

กลุ่มเหล็กสหวิริยา โดยนางนฤมล สุภาพงษ์ ผู้จัดการอาวุโสชุมชนสัมพันธ์ สำนักการพัฒนาที่ยั่งยืนและสื่อสารกลุ่ม บริษัท สหวิริยาสตีลอินดัสตรี จำกัด (มหาชน) ร่วมพิธีเปิดโครงการ “ส่งเสริมความรู้เยาวชนบางสะพาน พิชิตรั้วอุดมศึกษา” โดยมีคณะผู้บริหารสถานศึกษาและคณะครู จาก 7 โรงเรียน ได้แก่ โรงเรียนบางสะพานวิทยา โรงเรียนธนาคารออมสิน โรงเรียนธงชัยวิทยา โรงเรียนชัยเกษมวิทยา โรงเรียนทับสะแกวิทยา โรงเรียนบางสะพานน้อยวิทยาคม และ โรงเรียนห้วยยางวิทยา นำนักเรียนชั้น ม.6 จำนวน 518 คน เข้าร่วมกิจกรรมระหว่างวันที่ 27-29 พฤศจิกายน 2566 ณ ห้องประชุมกรองกัมพู อาคาร 5 โรงเรียนบางสะพานวิทยา
โดยกิจกรรมดังกล่าว ได้รับเกียรติจากทีมวิทยากรมากความรู้และประสบการณ์ จากมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ร่วมสอนเสริมและทบทวนความรู้ ข้อสอบ TGAT (General Aptitude Test) ความถนัดทั่วไป ซึ่งนักเรียนชั้น ม.6 จะต้องเข้าสอบในช่วงเดือน ธันวาคม 2566 นี้ ซึ่งเนื้อหาประกอบด้วย 3 ส่วน ได้แก่
– TGAT1 91 การสื่อสารภาษาอังกฤษ
– TGAT2 92 การคิดอย่างมีเหตุผล (Critical & Logical Thinking)
– TGAT3 93 สมรรถนะการทำงาน (Future Workforce Competency)

สำหรับโครงการ “ส่งเสริมความรู้เยาวชนบางสะพาน พิชิตรั้วอุดมศึกษา” เป็นโครงการที่กลุ่มเหล็กสหวิริยา ร่วมมือกับโรงเรียนบางสะพานวิทยา ริเริ่มจัดตั้งขึ้นในปี 2560 โดยมุ่งหวังสร้างโอกาสในการเตรียมความพร้อมสำหรับการสอบแข่งขันเข้าศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาให้แก่เยาวชนในท้องถิ่นที่กำลังศึกษาอยู่ในระดับชั้น ม.6 โดยได้รับความร่วมมือจากวิทยากรมากความรู้และประสบการณ์ ร่วมถ่ายทอดความรู้และพัฒนาศักยภาพของเยาวชนบางสะพานให้สามารถสอบเข้าศึกษาต่อในสถาบันอุดมศึกษาได้ตามที่ต้องการ

12Dec/23

เอสเอสไอประกาศนโยบายการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของกลุ่มบริษัท มุ่งสู่องค์กรผู้นำและพัฒนานวัตกรรมด้านการจัดการก๊าซเรือนกระจกอย่างยั่งยืน

เอสเอสไอประกาศนโยบายการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของกลุ่มบริษัทเอสเอสไอ โดยกําหนดเป้าหมาย กลยุทธ์ และแนวทางการดําเนินงาน มุ่งสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ของกลุ่มบริษัท สอดคล้องกับนโยบายของประเทศและข้อตกลงด้านสิ่งแวดล้อม ว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ พร้อมเดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์เหล็ก นวัตกรรม เทคโนโลยี รวมถึงการใช้ พลังงานสะอาด ตอกย้ำการดำเนินงานเพื่อความยั่งยืนของอุตสาหกรรมเหล็กในอนาคต

นายวิน วิริยประไพกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท สหวิริยาสตีลอินดัสตรี จำกัด (มหาชน) หรือเอสเอสไอ กล่าวว่า เอสเอสไอในฐานะผู้นำอุตสาหกรรมเหล็กของประเทศได้ตระหนักถึงความสำคัญในการมีส่วนร่วมแก้ไขปัญหา การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน ซึ่งถือเป็นความท้าทายระดับโลกที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมทั้งในปัจจุบันและอนาคต กลุ่มบริษัทฯ จึงมุ่งมั่นดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึงการดูแลสภาพภูมิอากาศ เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของประเทศ และข้อตกลงด้านสิ่งแวดล้อมระหว่างประเทศว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ จึงได้มีการประกาศนโยบายการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของกลุ่มบริษัทเอสเอสไอ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้กลุ่มบริษัทเอสเอสไอเกิดการปฏิบัติที่มีประสิทธิภาพในการบริหารจัดการด้านการเปลี่ยนแปลง สภาพภูมิอากาศ ดังนี้

  1. กําหนดเป้าหมาย กลยุทธ์และแนวทางการดําเนินงาน เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ของกลุ่มบริษัท ให้สอดคล้องกับนโยบายของประเทศ และข้อตกลงด้านสิ่งแวดล้อมว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
  2. จัดทำรายงานข้อมูลการปล่อยและดูดกลับก๊าซเรือนกระจกจากกิจกรรมต่างๆขององค์กร (Carbon Footprint for Organization) เพื่อขับเคลื่อนให้เกิดการบริหารจัดการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของกลุ่มบริษัท
  3. ส่งเสริมการใช้พลังงาน การใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ตลอดจนส่งเสริมการวิจัยพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม รวมทั้งติดตามนโยบาย ตลาดคาร์บอน และการสนับสนุนทางการเงิน เพื่อให้เกิดการลดก๊าซเรือนกระจกอย่างยั่งยืน สอดคล้องกับการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
  4. สร้างความตระหนักรู้และการมีส่วนร่วมในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการดำเนินงาน ให้แก่พนักงาน ลูกค้า คู่ธุรกิจ และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ที่เกี่ยวข้องทั้งภายใน และภายนอกองค์กร

นอกจากนี้ เอสเอสไอได้มีการดำเนินงานเพื่อตอกย้ำเจตนารมณ์ และความมุ่งมั่นด้านลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างจริงจัง 1) ด้านผลิตภัณฑ์ เอสเอสไอได้กำหนดเป้าหมายภายในปี 2025 ที่จะยกระดับ 11 ผลิตภัณฑ์เหล็ก ซึ่งปัจจุบันได้มาตรฐานฉลากสิ่งแวดล้อมประเภท 2 ตาม ISO14021 เป็นฉลาก ECO PLUS ที่รับรองโดยกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อมและสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และมีเป้าหมายที่จะพัฒนา 9 ผลิตภัณฑ์เหล็กให้ได้ EPD (Environmental Product Declaration) 2) ด้านเศรษฐกิจหมุนเวียน เอสเอสไอใช้ทรัพยากรทุกชนิดอย่างมีประสิทธิภาพ ทรัพยากรน้ำและของเสียจากกระบวนการผลิตถูกนำกลับมาใช้ประโยชน์ทั้งหมด 100% 3) ด้านพลังงานสะอาด เอสเอสไอกำลังศึกษาการใช้พลังงานหมุนเวียน

เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ เชื้อเพลิงชีวมวล และก๊าซชีวภาพ โดยเน้นการใช้ศักยภาพของท้องถิ่นและส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชน โดยมีเป้าหมายนำเข้ามาทดแทนการใช้พลังงานจากฟอสซิลทั้งหมด 100% นอกจากนี้ ได้มีการศึกษาเทคโนโลยีการผลิตพลังงานสะอาด ได้แก่ Green hydrogen ที่ไม่มีการปล่อยก๊าซ CO2 สู่ชั้นบรรยากาศ รวมทั้งมีบทบาทผลักดันการพัฒนาพลังงานไฮโดรเจนทั้งห่วงโซ่คุณค่า

“การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นหนึ่งในความท้าทายระดับโลกที่ส่งผลกระทบในทุกๆ ด้าน ครอบคลุมทั้งเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และผู้คน การนำนโยบายมาสู่การดำเนินงานอย่างเป็นรูปธรรมเป็นสิ่งสำคัญที่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกคนควรตระหนัก และเข้ามามีส่วนร่วมเพื่อแก้ไขหรือลดผลกระทบตลอดห่วงโซ่คุณค่า พร้อมร่วมผลักดันการดำเนินงานไปสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ เพื่อความยั่งยืนของอุตสาหกรรมต่อไปในอนาคต” นายวิน กล่าว

SSI Announces Its Climate Change Policy for the Group of Companies, Striving to Pioneer and Innovate in Sustainable Greenhouse Gas Management

Sahaviriya Steel Industries PLC announces its climate change policy for the group of companies, outlining specific targets, strategies, and operational guidelines. This initiative aims to achieve the group’s carbon neutrality and net zero emissions, aligned with national policies and environmental agreements on climate change. The company is dedicated to advancing steel products, innovations, technologies, and integrating clean energy, all in pursuit of securing a sustainable future for the steel industry.

Mr. Win Viriyaprapaikit, Group CEO of Sahaviriya Steel Industries Public Company Limited (SSI) said that SSI, as a leader in the country’s steel industry, recognizes the significance of addressing climate change to achieve carbon neutrality. It’s a global challenge impacting the economy, society, and the environment, both in the present and in the future. Consequently, the company is determined to conduct business while considering climate care in line with the country’s policies and international environmental agreements regarding climate change. In response, the SSI Group has announced its climate change policy with the objective of effectively managing climate change within the group through the following ways:

  1. Setting targets, strategies, and operational guidelines to achieve carbon neutrality and net-zero greenhouse gas emissions for the group of companies, in line with the country’s climate policies and global climate agreements.
  2. Generating the Carbon Footprint for Organization (CFO) report aims to drive effective management in reduction of greenhouse gas emissions across the group of companies.
  3. Promoting energy usage, maximizing natural resource efficiency, fostering research, enhancing innovations and technologies, and tracking policy initiatives, carbon markets, and financial support needed for sustained reduction of greenhouse gas emissions and adaptation to climate change impacts.
  4. Raising awareness and encouraging participation in emissions reduction from operations among employees, customers, business partners, and stakeholders, while also facilitating knowledge exchange within the organization and beyond.

Furthermore, SSI has implemented initiatives to demonstrate its steadfast commitment and dedication to reducing greenhouse gas emissions. 1) In terms of products, SSI has set a goal to upgrade 11 steel products, which currently meet the ISO14021 (Type II environmental labeling), to achieve ECO PLUS certification by The Department of Environmental Quality Promotion (DEQP) and The Federation of Thai Industries (FTI) by 2025. Additionally, the company is striving to develop 9 steel products to acquire an Environmental Product Declaration (EPD).  2) In terms of circular economy, SSI ensures the efficient utilization of all resources; recycling and reusing 100% of water resources and production waste. 3) In terms of clean energy, SSI explores the utilization of renewable energy sources, including solar energy, biomass, and biogas, with a focus on leveraging local community potential and fostering their economies. The goal is to entirely replace fossil fuel usage with renewable energy sources. Additionally, SSI is researching clean energy production technologies, such as Green Hydrogen, which emits no CO2 into the atmosphere. Furthermore, the company plays a crucial role in advancing the entire hydrogen energy value chain.

Mr. Win concluded, “Climate change is one of the world’s greatest challenges, impacting us in every aspect, including the economy, society, environment, and people. It is essential to turn policy into action, with everyone being aware and involved in mitigating its impact throughout the value chain, ultimately striving for carbon neutrality and net-zero emissions to ensure a sustainable future for the industry.”

08Dec/23

กลุ่มเหล็กสหวิริยา-ประชาชนบางสะพาน จัดเดิน-วิ่งเก็บขยะชายหาดวันสิ่งแวดล้อม

กลุ่มเหล็กสหวิริยาร่วมกับองค์การบริหารส่วนตำบลแม่รำพึง และเครือข่ายประมงบางสะพาน จัดกิจกรรมเดิน-วิ่งเก็บขยะชายหาดแม่รำพึง หรือ SSI Group Plogging หาดแม่รำพึง ครั้งที่สอง เนื่องในวันสิ่งแวดล้อมไทย โดยมีนายวิโรจน์ ชูแก้ว ปลัดอำเภอบางสะพาน ให้เกียรติเป็นประธานในพิธี นายผดุงศักดิ์ ปราณอุดมรัตน์ พร้อมคณะผู้บริหาร พนักงานกลุ่มเหล็กสหวิริยา ผู้นำชุมชน สถานศึกษา และประชาชนเข้าร่วมกว่า 600 คน ร่วม เดิน-วิ่ง เก็บขยะชายหาด ทำความสะอาดชายหาดแม่รำพึง รวมระยะทางไป-กลับ ประมาณ 5 กิโลเมตร และนำขยะรีไซเคิลและขยะอันตรายที่เก็บได้มาแลกไข่ไก่ โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อกระตุ้นและสร้างจิตสำนึกด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมที่สอดคล้องกับ แนวคิดการดำเนินงานด้าน ESG คือ การดูแลด้านสิ่งแวดล้อม การรับผิดชอบต่อสังคมชุมชน และการกำกับดูแลกิจการที่ดี