• Consolidated financial statements for the year 2015 were reclassified to present the operations into 2 parts: 1) the Continuing Operations which excluded the operating results of Upstream Business (SSI UK); and 2) the Discontinued Operations which presented the loss from Discontinued Operation of Upstream Business (SSI UK) for the period from 1 January 2015 to 2 October 2015.
  • The Group recorded consolidated loss of 1,456 MB in Q4/2015, mainly resulted from default interest recorded.
  • The Group recorded consolidated loss of 40,840 MB in 2015, including loss from Discontinued Operation of 38,037 MB.
  • Upstream Business (SSI UK) has been in liquidation proceeding since 2 October 2015; there was no operating performance  in Q4/2015.
  • The inquiring date for Business Rehabilitation of the Company was scheduled on 17 February 2016.

Mr. Win Viriyaprapaikit, Group CEO and President of Sahaviriya Steel Industries Plc. (SSI), revealed the Q4/2015 operating result that “The Company and its subsidiaries recorded sales and service revenues Baht 4,128 million, down 61% QoQ and 71% YoY, and the Group Sales Volume was 246 thousand tons due to 1) no revenue related to the Discontinued Operation; 2) a decrease in HRC Sales Volume and HRC Average Selling Price resulted from a continuing drop in world steel prices; as well as 3) customers prolonging orders from concerns about the Company’s situation during the beginning period of the Company submitting a petition for Business Rehabilitation. The Company and its subsidiaries reported net loss Baht 1,456 million, improving 96% QoQ and 6% YoY as there was no operating loss from the Discontinued Operation in this period.”

“In 2015, the Company and its subsidiaries recorded sales and service revenues Baht 20,173 million, down 39% YoY following 1) exclusion of revenues from Discontinued Operation and 2) a decrease in HRC Sales Volume and HRC Average Selling Price as the world steel prices had been dropping sharply. Group Sales Volume was 1,126 thousand tons. EBITDA was negative Baht 37,907 million and net loss was Baht 40,840 million, including loss from Discontinued Operation of Baht 38,037 million.”

“As communicated earlier, the Company is proceeding with Business Rehabilitation, in order to carry on operations as normal, including to maintain our business value and competitiveness. The Company is now able to carry on operations and generate income with sufficient working capital for production and sale, supported by customers and trading partners who still have confidence in the Company’s business.”

“The Court scheduled the inquiry date for the petition on 17 February 2016. The Company is confident that after the Court orders the Company for Business Rehabilitation and appoints the Plan Preparer, trading partners and financial institutions will gain more confidence and will be willing to consider additional support to the Company’s business which will gradually enhance liquidity, sales volume, operating performance, and financial position of the Company.”

บริษัท สหวิริยาสตีลอินดัสตรี จำกัด (มหาชน) รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 4/2558 และงวดปี 2558

  • งบการเงินรวมสำหรับปี 2558 ได้ถูกจัดประเภทใหม่เพื่อนำเสนอการดำเนินงานแยกเป็น2 ส่วน ได้แก่ ส่วนที่ 1) การดำเนินงานต่อเนื่อง ซึ่งไม่รวมขาดทุนการดำเนินงานของส่วนงานที่ยกเลิก (ธุรกิจโรงถลุงเหล็ก SSI UK) และส่วนที่ 2) การดำเนินงานของส่วนงานที่ยกเลิก สำหรับระยะเวลาตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2558 ถึงวันที่ 2 ตุลาคม 2558 ซึ่งแสดงผลขาดทุนการดำเนินงานของส่วนงานที่ยกเลิก (ธุรกิจโรงถลุงเหล็ก SSI UK)
  • กลุ่มบริษัทมีผลขาดทุนสุทธิสำหรับไตรมาส4/2558 จำนวน 1,456 ล้านบาท โดยมีสาเหตุหลักจากการบันทึกภาระดอกเบี้ยค้างจ่ายในอัตราดอกเบี้ยผิดนัดชำระ
  • กลุ่มบริษัทมีผลขาดทุนสุทธิสำหรับปี2558 จำนวน 40,840 ล้านบาท ซึ่งจัดทำขึ้นตามเกณฑ์การเลิกกิจการ โดยเป็นผลขาดทุนจากการดำเนินงานของส่วนงานที่ยกเลิก 38,037 ล้านบาท
  • ธุรกิจโรงถลุงเหล็กSSI UK ไม่มีผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/2558 เนื่องจากอยู่ระหว่างกระบวนการชำระบัญชี
  • ศาลนัดไต่สวนคำร้องขอฟื้นฟูกิจการในวันที่17 กุมภาพันธ์ 2559

นายวิน วิริยประไพกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สหวิริยาสตีลอินดัสตรี จำกัด (มหาชน) หรือ เอสเอสไอ เปิดเผยผลการดำเนินงานไตรมาส 4/2558 ว่า “บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีรายได้จากการขายและให้บริการรวม 4,128 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 61 QoQ และร้อยละ 71 YoY  โดยมีปริมาณขายเหล็กรวม 246 พันตัน จากการ 1) ไม่มีรายได้ของการดำเนินงานของส่วนงานที่ยกเลิก 2) ปริมาณขายและราคาขายที่ลดลงของธุรกิจเหล็กแผ่นรีดร้อนตามภาวะราคาเหล็กในตลาดโลกที่ยังลดลงอย่างต่อเนื่อง รวมถึง 3) ความกังวลของคู่ค้าในช่วงแรกของการยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการเกี่ยวกับสถานการณ์ของบริษัทฯ อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีผลขาดทุนสุทธิ 1,456 ล้านบาท ขาดทุนลดลง 96% QoQ and 6% YoY เนื่องจากไม่มีผลขาดทุนจากการดำเนินงานของส่วนงานที่ยกเลิก ในไตรมาส 4/2558”

“ในส่วนผลการดำเนินงานประจำปี 2558 บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีรายได้จากการขายและให้บริการรวม 20,173 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 39 YoY จาก 1) ไม่นับรวมรายได้ของการดำเนินงานของส่วนงานที่ยกเลิก และ 2) ปริมาณขาย และราคาขายที่ลดลงของธุรกิจเหล็กแผ่นรีดร้อน ตามภาวะราคาเหล็กในตลาดโลกซึ่งปรับตัวลดลงอย่างมาก โดยมีปริมาณขายเหล็กรวม 1,126 พันตัน มี EBITDA  ติดลบ 37,907 ล้านบาท และมีผลขาดทุนสุทธิ  40,840 ล้านบาท  ซึ่งเป็นผลขาดทุนจากการดำเนินงานของส่วนงานที่ยกเลิก 38,037 ล้านบาท”

“ตามที่ได้เคยรายงานก่อนหน้า ขณะนี้บริษัทฯ กำลังเดินหน้าตามกระบวนการฟื้นฟูกิจการ เพื่อให้สามารถดำเนินธุรกิจได้ตามปกติ และรักษามูลค่าทางธุรกิจของบริษัทฯ ไว้ รวมถึงคงไว้ซึ่งระดับความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจ โดยบริษัทฯ ยังคงมีรายได้จากการดำเนินธุรกิจการค้าและมีเงินทุนหมุนเวียนเพียงพอสำหรับการผลิตและจำหน่ายสินค้า โดยได้รับการสนับสนุนจากลูกค้าและคู่ค้าที่ยังมีความเชื่อมั่นในธุรกิจของบริษัทฯ”

“ทั้งนี้ศาลได้กำหนดวันนัดไต่สวนคำร้องขอฟื้นฟูกิจการในวันที่ 17 กุมภาพันธ์นี้ เราเชื่อมั่นว่า เมื่อศาลมีคำสั่งให้บริษัทฯ ฟื้นฟูกิจการและตั้งผู้ทำแผนแล้ว จะช่วยเพิ่มความมั่นใจให้แก่คู่ค้า ตลอดจนสถาบันการเงินในการที่จะพิจารณาให้การสนับสนุนการดำเนินธุรกิจแก่บริษัทฯมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อสภาพคล่อง ยอดขาย ผลการดำเนินงาน และฐานะทางการเงินของบริษัทฯต่อไป” นายวินกล่าว