- Total THB 12,542 million revenue from sales and services, Steel Sales volume at 576 thousand tons
- Net loss of THB 473 million for SSI and consolidated net loss of THB 465 million in Q2/2013
- Net profit of THB 395 million for SSI and consolidated net loss of THB1,243 million for the first 6 months of 2013
- Effects from seasonal long holidays – weakness in the steel market in Q2/2013
- 38% Premium Value Products sales ratio
- Iron and Steel Making Business operating result becomes stronger with an increase of 14% of production and 169,000 tons of steel slabs sold to external parties
- The operation of PCI has started: lower energy cost – increase productivity
- Stable macro conditions and positive steel price movements in the second half of 2013
Sahaviriya Steel Industries Plc. (SSI) reports its second quarter and first half of 2013 as follows:
Q2/2013 Result
Standalone Financial Statement – The Company recorded sale and service revenues THB 8,705 million, down 44% QoQ and 12% YoY, with HRC Sales 407 k tons, down 42% QoQ and 4% YoY. EBITDA was THB 197 million and net loss of THB 473 million.
Consolidated Financial Statements – The Company and its subsidiaries recorded sale and service revenues THB 12,542 million, down 37% QoQ, but up 9% YoY. Steel Sales volume was 576 thousand tons which consists of 1) 407 thousand tons of HRC Sales volume and 2) 169 thousand tons of external parties Slab Sales. Total cost of sale and service was THB 13,468 million, pushed by higher production cost from under-optimal level of slab production. The Company and its subsidiaries; thus, reported negative EBITDA THB 887 million, and net loss THB 465 million.
6 Months/2013 Results
Standalone Financial Statement – The Company recorded sale and service revenues THB 24,331 million, up 14% YoY, with HRC Sales 1,114 k tons, up 21% YoY. EBITDA was THB 1,789 million, up 314% YoY and net profit of THB 395 million which has increased from a net loss of THB 726, compared to the same period last year.
Consolidated Financial Statements – The Company and its subsidiaries recorded sale and service revenues THB 32,491 million, up 19% YoY, with Steel Sales volume at 1,520 thousand tons, including 1) 1,114 thousand tons of HRC Sales volume and 2) 406 thousand tons of external parties Slab Sales, with negative EBITDA Baht 87 million, and net loss Baht 1,243 million.
Compared to the previous quarter, operating results were lower mainly caused by decreasing sales volume in HRC and lower HRC Rolling Margin. On the other hand, compared to Q2/2012, loss was much lower due to improving operating results in Iron and Steel Making Business although the Company and its subsidiaries still endured consolidated net loss caused by below-break-even production level of Iron and Steel Making Business.
- HRC Business generated total revenue of THB 8,705 million, a decrease of 44% QoQ and a decrease of 12% YoY. The Premium Value Products sales ratio was 38% and there was net loss of THB 473 million.
- Iron and Steel Making Business generated sale and service revenues of THB 11,822 million, with Slabs Sales at 696 thousand tons. Out of this amount, 169 thousand tons or 24% were sold to external parties. Net profit was THB 63 million.
- Deep Sea Port Business generated revenue from services of THB 102 million, with net profit of THB 41 million.
- Engineering and Maintenance Service Business generated total revenue of THB 239 million due to an increase in works delivered, with net profit of THB 12 million.
- Cold Rolled Coil Business generated revenue from sales of THB 2,861 million, with net profit of 53 million.
Mr. Win Viriyaprapaikit, Group CEO and President of Sahaviriya Steel Industries Plc. (SSI), said that “To sum up last quarter’s performance, we experienced macro-level turbulence from early in the quarter – the Fed’s QE Tapering plan, China slow growth, and the weakening of commodity prices and the Thai Baht. As steel prices dropped, steel market entered a destocking phase. That, together with the seasonal effect of April’s long holidays, caused 42% sales volume dropped in the HRC business. We also prudently booked a stock loss provision to recognise this potential market loss. In the meantime, the Iron & Steelmaking Business in the UK achieved 14% higher outputs and is on the right direction towards higher productivity in the second half of the year.”
“As for the outlook, we believe that Q2/13 was the market trough of this year. We now see more stable macro conditions and positive steel price movements, thus a return to normal sales volume. In addition, as earlier reported, our Pulverised Coal Injection (PCI) technology was successfully started up on 9 July 2013. The Iron & Steelmaking Business will see higher productivity and lower cost as coal injection continues to be ramped up over the coming months. These will be reflected in our second half performance, as we continue to execute our strategy to strengthen our business by integration and innovate Premium Value Products for our customers”
บริษัท สหวิริยาสตีลอินดัสตรี จำกัด (มหาชน)
รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2556 และงวดครึ่งปี 2556
- รายได้ขายและบริการกลุ่มรวม 12,542 ล้านบาท ปริมาณขายเหล็กรวม 576 พันตัน
- ไตรมาส 2 ขาดทุนสุทธิ (งบเดี่ยว) 473 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิ (งบรวม) 465 ล้านบาท
- งวด 6 เดือน กำไรสุทธิ (งบเดี่ยว) 395 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิ (งบรวม) 1,243 ล้านบาท
- ผลกระทบวันหยุดเทศกาล-ตลาดเหล็กชะลอตัวในไตรมาส 2
- ยอดขายผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่มพิเศษ ร้อยละ 38
- ผลประกอบการของธุรกิจโรงถลุงเหล็กปรับตัวดีขึ้น ผลผลิตเพิ่มร้อยละ 14 ขายเหล็กแท่งแบนนอกกลุ่ม 169 พันตัน
- เริ่มใช้งาน PCI ที่โรงถลุงเหล็ก ต้นทุนพลังงานลด-ผลผลิตสูงขึ้น
- ตลาดมีเสถียรภาพมากขึ้น-ราคาเหล็กเปลี่ยนแปลงในทิศทางที่ดีในครึ่งปีหลัง
บริษัท สหวิริยาสตีลอินดัสตรี จำกัด (มหาชน) หรือ เอสเอสไอ รายงานผลการดำเนินงานประจำไตรมาส 2/2556 และผลการดำเนินงานงวด 6 เดือน ปี 2556 ดังนี้
ไตรมาส 2/2556
งบการเงินเฉพาะบริษัท – บริษัทฯ มีรายได้จากการขายและการให้บริการ 8,705 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 44 จากงวดก่อนหน้า และร้อยละ 12 จากงวดเดียวกันของปีก่อน โดยมีปริมาณขาย 407 พันตัน ลดลงร้อยละ 42 จากไตรมาสก่อนหน้า และร้อยละ 4 จากงวดเดียวกันของปีก่อน มี EBITDA 197 ล้านบาท และมีขาดทุนสุทธิ 473 ล้านบาท
งบการเงินรวม – บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีรายได้จากการขายและให้บริการรวม 12,542 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 37 จากไตรมาสก่อนหน้า แต่เพิ่มขึ้นร้อยละ 9 เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน จากขายเหล็กรวม 576 พันตัน ประกอบด้วย 1) เหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดม้วน 407 พันตัน และ 2) เหล็กแท่งแบนที่ขายลูกค้าภายนอก 169 พันตัน โดยมีต้นทุนขายและให้บริการรวม 13,468 ล้านบาท จากต้นทุนผลิตของธุรกิจโรงถลุงเหล็กที่ยังอยู่ในระดับสูงกว่าปกติ ส่งผลให้บริษัทฯ และบริษัทย่อย มี EBITDA ติดลบ 887 ล้านบาท และมีผลขาดทุนสุทธิ 465 ล้านบาท
งวด 6 เดือน ปี 2556
งบการเงินเฉพาะบริษัท – บริษัทฯ มีรายได้จากการขายและการให้บริการ 24,331 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 14จากงวดเดียวกันของปีก่อน จากปริมาณขาย 1,114 พันตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 21 จากงวดเดียวกันของปีก่อน มี EBITDA 1,789 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 314 จากงวดเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 395 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากผลขาดทุนสุทธิ 726 ล้านบาท ในช่วงเดียวกันของปี 2555
งบการเงินรวม – บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีรายได้จากการขายและให้บริการรวม 32,491 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 19 จากงวดเดียวกันของปีก่อน จากขายเหล็กรวม 1,520 พันตัน ประกอบด้วย 1) เหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดม้วน 1,114 พันตัน และ 2) เหล็กแท่งแบนที่ขายลูกค้าภายนอก 406 พันตัน มี EBITDA ติดลบ 87 ล้านบาท และมีผลขาดทุนสุทธิ 1,243 ล้านบาท
ทั้งนี้ เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา จะพบว่าผลประกอบการของบริษัทได้รับผลกระทบจากปริมาณขายเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดม้วนและ HRC Rolling Margin ที่ปรับตัวลดลงเป็นหลัก แต่หากเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน จะพบว่าขาดทุนลดลงมาก จากผลประกอบการของธุรกิจโรงถลุงเหล็กที่ปรับตัวดีขึ้น แต่ยังขาดทุนอยู่เนื่องจากการผลิตที่ยังต่ำกว่าจุดคุ้มทุน
- ธุรกิจเหล็กแผ่นรีดร้อน มีรายได้จากการขายและให้บริการรวม 8,705 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 44 จากไตรมาส 1/2556 และร้อยละ 12 จากงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่มพิเศษ (Premium Value Products) ร้อยละ 38 ของยอดขายรวม มีผลขาดทุนสุทธิ 473 ล้านบาท
- ธุรกิจโรงถลุงเหล็ก มีรายได้จากการขายและให้บริการรวม 11,822 ล้านบาท จากการขายเหล็กแท่งแบนรวมจำนวน 696 พันตัน โดยจำนวน 169 พันตัน หรือร้อยละ 24 เป็นการขายให้แก่ลูกค้าภายนอก มีผลกำไรสุทธิ 63 ล้านบาท
- ธุรกิจท่าเรือน้ำลึก มีรายได้จากการให้บริการรวม 102 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อยตามปริมาณสินค้าผ่านท่าที่ลดลง มีกำไรสุทธิ 41 ล้านบาท
- ธุรกิจวิศวกรรมและซ่อมบำรุง มีรายได้จากการขายและให้บริการรวม 239 ล้านบาท จากการได้รับงานและส่งมอบงานเพิ่มเติม มีกำไรสุทธิ 12 ล้านบาท
- ธุรกิจเหล็กแผ่นรีดเย็น มีรายได้จากการขายรวม 2,861 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 53 ล้านบาท
นายวิน วิริยประไพกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม และ กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสเอสไอกล่าวว่า “ในไตรมาส 2/2556 เราประสบกับความผันผวนระดับมหภาคตั้งแต่ช่วงต้นไตรมาส ทั้งจากการลดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) การเติบโตของจีนชะลอตัว ราคาสินค้าโภคภัณฑ์และค่าเงินบาทที่ถดถอย ทั้งนี้ในช่วงราคาเหล็กขาลง ตลาดก็เข้าสู่ช่วงระบายสินค้าคงเหลือในระบบ (destocking phase) ประกอบกับผลกระทบจากวันหยุดยาวช่วงเทศกาลเดือนเมษายน ทำให้ปริมาณขายของธุรกิจเหล็กแผ่นรีดร้อนลดลงร้อยละ 42 นอกจากนั้นบริษัทได้ตั้งสำรองค่าเผื่อการลดมูลค่าของสินค้าคงเหลือเพื่อรองรับการขาดทุนจากสินค้าคงเหลือดังกล่าวแล้ว ในขณะเดียวกันธุรกิจโรงถลุงเหล็กที่ประเทศอังกฤษประสบความสำเร็จผลิตได้เพิ่มสูงขึ้นร้อยละ 14 และมีความพร้อมที่จะไปสู่ผลผลิตที่เพิ่มสูงขึ้นกว่านี้ในช่วงครึ่งปีหลัง”
“สำหรับภาวะอุตสาหกรรมเหล็กไตรมาส 2/2556 ที่ผ่านมานั้นนับเป็นจุดต่ำสุดของปี ปัจจุบันเรามองเห็นเศรษฐกิจโลกระดับมหภาคมีเสถียรภาพมากขึ้นและราคาเหล็กมีการเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีซึ่งจะทำให้เห็นปริมาณการขายกลับไปสู่ระดับปกติ นอกจากนี้การเริ่มใช้งานเทคโนโลยี PCI เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2556 จะทำให้ธุรกิจโรงถลุงเหล็กจะมีผลผลิตที่สูงขึ้น ต้นทุนลดลงจากอัตราการใช้ถ่านหิน PCI ที่จะสูงขึ้นเป็นลำดับในหลายเดือนข้างหน้า ซึ่งจะสะท้อนให้เห็นในผลการดำเนินงานครึ่งปีหลัง โดยที่เรายังเดินหน้าดำเนินกลยุทธ์สร้างความแข็งแกร่งจากการเชื่อมโยงธุรกิจแบบครบวงจร และ สร้างสรรค์นวัตกรรมผลิตภัณฑ์เหล็กที่มีมูลค่าเพิ่มกับลูกค้าต่อไป”