• Sale and service revenues Baht 16,796 million, up 34% QoQ
  • Consolidated sales volume returned to 928 k tons level, the second highest record
  • HRC sales volume is going up 46% QoQ. – 46% of Slab sales volume sold to external parties
  • Net loss of Baht 260 million for SSI and consolidated net loss of Baht 2,902 million in Q3/2013, 40% decrease YoY due to improving operating results for both HRC Business and Iron and Steel Making Business
  • Net profit of Baht 135 million for SSI and consolidated net loss of Baht 4,145 million for 9 months of 2013, 67% decrease YoY
  • SSI  completed funds  raising program of Baht 10,972.3 million and injected $ 422.6 million into SSI UK to support the production ramp up and achieve a lower cost base when the business will turnaround to profitability.
  • Steel prices have since recovered SSI focuses on increasing sales of Premium Value Products into the high-end sector in Q4/2013 and 2014.

Sahaviriya Steel Industries Plc. (SSI) reports its third quarter and nine months of 2013 as follows:

Q3/2013

Standalone Financial Statement – The Company recorded sale and service revenues Baht 12,272 million, up 41% QoQ but down 12% YoY, with HRC sales volume of 595 k tons, up 46% QoQ. Net loss Baht was 260 million; smaller loss 45% QoQ due to higher sales volume and the reversal of provision for loss on decline in value of inventories.

Consolidated Financial Statements – In Q3/2013, the Company and its subsidiaries recorded sale and service revenues Baht 16,796 million, up 34% QoQ, mainly from increasing sales volume in HRC Business 928 thousand tons, and up 6% YoY due to higher external parties sales volume of Iron and Steel Making Business, which was 46%, with negative EBITDA Baht 1,337 million, and net loss Baht 2,902 million.

Compared to Q2/2013, operating performance was poorer with bigger loss, mainly dragged by operating results of Iron and Steel Making Business which suffered by worsening Slab Margin, even HRC Business loss was lower. On the other hand, compared to Q3/2012, loss was much lower due to improving operating results for both HRC Business and Iron and Steel Making Business although consolidated net loss continued as a result of below-break-even production level of Iron and Steel Making Business.

9 Months/2013 Result

Standalone Financial Statement – The Company recorded sale and service revenues Baht 36,604 million, up 6% YoY, with HRC sales volume of 1,709 k tons, up 11% YoY, as a result of strong domestic demand and secured source of own raw material supply. Net profit was Baht 135 million; up from net loss Baht 1,232 million in the same period last year.

Consolidated Financial Statements – The Company and its subsidiaries recorded sale and service revenues Baht 49,287 million, up 15% YoY from steel sales volume of 2,448 thousand tons. There was negative EBITDA Baht 1,424 million and net loss of Baht 4,145 million.

  • HRC Business recorded sale and service revenues Baht 12,272 million, up 41% QoQ, with HRC sales volume of 595 k tons, up 46% QoQ. Premium Value Products contributed 29% of total HRC sales volume with net loss of Baht 260 million.
  • Iron and Steel Making Business recorded total sale and service revenues Baht 11,174 million from Slab sales volume of 728 k tons. Slab sold to external parties 333 k tons, or 46% of Slab sales volume. Net loss was Baht 2,821 million
  • Deep Sea Port Business recorded total service revenues Baht 95 million, down 7% QoQ from lower throughput volume in every type of vessel except barge. Net profit was Baht 37 million,
  • Engineering and Maintenance Service Business recorded total sale and service revenues Baht 216 million, down 10% QoQ. External customers apart from the Company and its subsidiaries took 48% of total sale and service revenues. Net profit was Baht 8 million.
  • Cold Rolled Coil Business recorded total sale Baht 2,906 million, up 2% QoQ and net profit of Baht 10 million.

Mr. Win Viriyaprapaikit, Group CEO and President of Sahaviriya Steel Industries Plc. (SSI), said that “In Q3/2013, we performed well operationally: consolidated sales volume returned to 928 k tons level, which is our second highest record; HRC sales volume recovered to normal level; Slab 3rd parties sale was as high as 46%; and PCI technology was successfully commissioned on 9 July 2013.  However, Q3/2013 result suffered from margin squeeze as the steel industry went through market down cycle in the middle of the year, contributing to this net loss.  Another negative factor was, though PCI start-up was successful and we already started to realise its benefit, we lost some production days due to its start-up commissioning, causing below optimal Blast Furnace operation during the period.”

“Steel prices have since recovered and are currently trending higher in many parts of the world.  Going forward, we should expect to see healthier margin for both HRC and Slabs in Q4/2013.  PCI injection rate and Blast Furnace output will continue to ramp up to a higher rate, giving us the benefit of higher productivity and lower cost.  We also continue to see our product quality being accepted by an increasing number of high-end customers, and with Japan steel supply tightening due to strong economic recovery there, we expect to see increasing sales of our Premium Value Products into the domestic high-end sector substituting import in Q4/2013 and well into 2014.”

“Lastly, thanks to the strong support from our shareholders and strategic business partners who had shown confidence in our business and our vision, in early October 2013 we have completed our fund raising program: Baht 9,404.1 million from new capital and Baht 1,568.2 million from asset sales, totaling Baht 10,972.3 million raised.  We have consequently injected $422.6 million of additional capital into SSI UK, our Iron and Steelmaking Business unit in the UK, raising total paid-up equity to $895.6 million.  This provides the necessary capital for the business as it continues to ramp up output and achieve a lower cost base when the business will turnaround to profitability.”

บริษัท สหวิริยาสตีลอินดัสตรี จำกัด (มหาชน) รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2556

  • รายได้ขายและบริการรวม 16,796 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 34
  • ปริมาณขายเหล็กรวมสูงถึง  928 พันตัน สูงเป็นอันดับสอง
  • ยอดขาย HRC เพิ่มขึ้นร้อยละ 46 – ขายเหล็กแท่งแบนบุคคลภายนอกร้อยละ 46
  • ไตรมาส 3 ขาดทุนสุทธิ (งบเดี่ยว) 260 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิ (งบรวม)  2,902  ล้านบาท ลดลงร้อยละ 40 จากไตรมาส 3/2555 เนื่องจากผลประกอบการที่ดีขึ้นของธุรกิจเหล็กแผ่นรีดร้อนและธุรกิจโรงถลุงเหล็ก
  • งวด 9 เดือน กำไรสุทธิ (งบเดี่ยว) 135 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิ (งบรวม)  4,145 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 67 จากงวด 9 เดือนปี 2555
  • ระดมทุนได้ 10,972.3 ล้านบาทและเพิ่มทุนให้ SSI UK 422.6 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อนำไปใช้สำหรับเพิ่มผลผลิตและลดฐานต้นทุน หนุนธุรกิจพลิกทำกำไร
  • ราคาเหล็กเริ่มฟื้นตัวจากจุดต่ำสุด – เล็งเพิ่มยอดขายผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่มพิเศษตลาดไฮเอนด์ไตรมาส 4 และปี 2557

          บริษัท สหวิริยาสตีลอินดัสตรี จำกัด (มหาชน) หรือ เอสเอสไอ รายงานผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 3/2556 และผลการดำเนินงานงวด 9 เดือน ปี 2556 ดังนี้

ไตรมาส 3/2556

          งบการเงินเฉพาะบริษัท – บริษัทฯ มีรายได้จากการขายและให้บริการ 12,272 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 41 จากไตรมาส 2/2556  แต่ลดลงร้อยละ 6 จากงวดเดียวกันของปีก่อน โดยมีปริมาณขาย HRC 595 พันตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 46 จากไตรมาส2/2556  มีผลขาดทุนสุทธิ 260 ล้านบาท ขาดทุนลดลงร้อยละ 45 จากไตรมาสก่อน เนื่องจากปริมาณขายที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น รวมทั้งผลจากการกลับรายการค่าเผื่อการลดมูลค่าของสินค้าคงเหลือ

          งบการเงินรวม – บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีรายได้จากการขายและให้บริการรวม 16,796 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 34 จากไตรมาส 2/2556 จากปริมาณขายเหล็กรวมสูงถึง 928 พันตัน โดยเป็นปริมาณขายของธุรกิจเหล็กแผ่นรีดร้อนที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 6 จากงวดเดียวกันของปีก่อน และปริมาณขายสู่ลูกค้าภายนอกของธุรกิจโรงถลุงเหล็กที่เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 46 มี EBITDA ติดลบ 1,337 ล้านบาท และมีผลขาดทุนสุทธิ 2,902 ล้านบาท

          ทั้งนี้ เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/2556 พบว่าบริษัทฯและบริษัทย่อยขาดทุนเพิ่มขึ้น ถึงแม้ว่าธุรกิจเหล็กแผ่นรีดร้อนมีผลขาดทุนลดลง แต่ผลประกอบการธุรกิจโรงถลุงเหล็กปรับตัวลงมากจาก Slab Margin ที่ปรับตัวลดลง แต่หากเทียบกับไตรมาส 3/2555 จะพบว่าขาดทุนลดลงมาก จากผลประกอบการของทั้งธุรกิจเหล็กแผ่นรีดร้อนและธุรกิจโรงถลุงเหล็กที่ปรับตัวดีขึ้น แต่ยังขาดทุนอยู่เนื่องจากการผลิตที่ยังต่ำกว่าจุดคุ้มทุนของธุรกิจโรงถลุงเหล็ก

งวด 9 เดือน ปี 2556

          งบการเงินเฉพาะบริษัท – บริษัทฯ มีรายได้จากการขายและการให้บริการ 36,604 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 6 จากงวดเดียวกันของปีก่อน จากปริมาณขาย HRC 1,709 พันตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 11 จากงวดเดียวกันของปีก่อน ตามความต้องการภายในประเทศที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งผลจากความแน่นอนในการจัดหาวัตถุดิบของบริษัทฯ และมีกำไรสุทธิ 135 ล้านบาท กำไรเพิ่มขึ้นจากผลขาดทุนสุทธิ 1,232 ล้านบาท ในช่วงเดียวกันของปี 2555

          งบการเงินรวม – บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีรายได้จากการขายและให้บริการรวม 49,287 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 15 จากปริมาณขายเหล็กรวม 2,448 พันตัน EBITDA ติดลบ 1,424 ล้านบาท และมีผลขาดทุนสุทธิ 4,145 ล้านบาท

  • ธุรกิจเหล็กแผ่นรีดร้อน บริษัทฯ มีรายได้จากการขายและให้บริการ 12,272 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 41 จากไตรมาส 2/2556  โดยมีปริมาณขาย HRC 595 พันตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 46 จากไตรมาส2/2556  มียอดการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่มพิเศษ (Premium Value Products) ร้อยละ 29 ของยอดขายรวม มีผลขาดทุนสุทธิ 260 ล้านบาท
  • ธุรกิจโรงถลุงเหล็ก  มีรายได้จากการขายและให้บริการรวม 11,174 ล้านบาท จากการขายเหล็กแท่งแบนรวมจำนวน 728 พันตัน โดยจำนวน 333 พันตัน หรือร้อยละ 46 เป็นการขายให้บุคคลภายนอก มีผลขาดทุนสุทธิ 2,821 ล้านบาท
  • ธุรกิจท่าเรือน้ำลึก มีรายได้จากการให้บริการรวม 95 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 7 จากไตรมาสก่อน เนื่องจากปริมาณสินค้าผ่านท่าลดลง มีกำไรสุทธิ 37 ล้านบาท
  • ธุรกิจวิศวกรรมและซ่อมบำรุง มีรายได้จากการขายและให้บริการรวม 216 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 10 จากไตรมาส 2/2556  เป็นรายได้นอกกลุ่มร้อยละ 48 และมีกำไรสุทธิ 8 ล้านบาท
  • ธุรกิจเหล็กแผ่นรีดเย็น  มีรายได้จากการขายรวม 2,906 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 2 และมีกำไรสุทธิ 10 ล้านบาท

           นายวิน วิริยประไพกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม และ กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสเอสไอกล่าวว่า “ในไตรมาส 3/2556 เราทำได้ดีในด้านการดำเนินงาน ทั้งในส่วนของปริมาณขายเหล็กรวมที่กลับมาสู่ระดับ 928 พันตัน ซึ่งสูงเป็นอันดับสองที่เราเคยทำได้  ปริมาณการขายเหล็กแผ่นรีดร้อนกลับมาสู่ระดับปกติ ปริมาณขายเหล็กแท่งแบนให้แก่บุคคลภายนอกสูงถึงร้อยละ 46 และประสบความสำเร็จในการเริ่มใช้งานเทคโนโลยี PCI เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2556  อย่างไรก็ตาม ในไตรมาส 3/2556  เราได้รับผลกระทบจากส่วนต่างที่แคบลงระหว่างราคาขายและวัตถุดิบเนื่องจากตลาดเหล็กอยู่ในวัฏจักรขาลงในช่วงกลางปีที่ผ่านมาทำให้มีผลขาดทุน  อีกปัจจัยลบหนึ่งก็คือแม้ว่าเทคโนโลยี PCI จะเริ่มใช้งานได้สำเร็จและเราเริ่มเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ได้บ้างแล้ว แต่เราจำต้องหยุดผลิตไปหลายวันช่วงการทดสอบเดินเครื่องจักรทำให้เตาถลุงผลิตได้น้อยและต้นทุนการผลิตสูงกว่าที่ควรจะเป็นในช่วงดังกล่าว”

          “ราคาเหล็กเริ่มฟื้นตัวจากจุดต่ำสุดและปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้นในหลายภูมิภาคของโลก จากนี้ไปเราคาดว่าจะเห็นส่วนต่างระหว่างราคาขายและวัตถุดิบที่ดีขึ้นทั้งเหล็กแผ่นรีดร้อนและเหล็กแท่งแบนในไตรมาส 4/2556 อัตราการใช้ PCI และผลผลิตที่จะสูงขึ้นอีกในธุรกิจโรงถลุงเหล็กจะช่วยให้เราได้รับประโยชน์จากประสิทธิภาพการผลิตที่จะสูงขึ้นและต้นทุนที่จะลดลงมากขึ้น นอกจากนี้ มีลูกค้าระดับไฮเอนด์จำนวนมากขึ้นที่พอใจในคุณภาพของผลิตภัณฑ์ของเรา และด้วยอุปสงค์ของเหล็กในประเทศญี่ปุ่นที่ตึงตัวขึ้นจากเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว เราคาดการณ์ว่ายอดขายผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่มพิเศษจะเพิ่มสูงขึ้นในตลาดในประเทศเพื่อทดแทนการนำเข้าในไตรมาส 4/2556 และดียิ่งขึ้นในปี 2557”

          “ท้ายที่สุด ผมขอขอบคุณการสนับสนุนจากผู้ถือหุ้นและพันธมิตรทางธุรกิจของเราที่มีความเชื่อมั่นในการดำเนินธุรกิจและวิสัยทัศน์ของเรา ในช่วงต้นเดือนตุลาคม 2556 เราสิ้นสุดโครงการระดมทุนโดยได้รับเงินรวม 10,972.3 ล้านบาท จากการขายหุ้นเพิ่มทุน 9,404.1 ล้านบาท และจากการขายสินทรัพย์ 1,568.2 ล้านบาท เราได้ลงทุนเพิ่มเติมใน SSI UK ธุรกิจโรงถลุงเหล็กของเราในอังกฤษ เป็นเงินรวม 422.6 ล้านเหรียญสหรัฐ ทำให้ทุนชำระแล้วเพิ่มขึ้นเป็น 895.6 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเป็นเงินทุนที่จำเป็นเพื่อเพิ่มผลผลิตและลดฐานต้นทุนให้ต่ำลงซึ่งจะทำให้ธุรกิจนี้เริ่มพลิกมาทำกำไรได้” นายวินกล่าว