Successfully overcoming the crisis, SSI reported Q4 net profit of Bt.1.15 billion. Key success factors are the company’s commitment to transparency and good governance, high-grade product strategy, continual product and service quality development, and effective cost reduction. Posts top sales among Thai steel companies and hits new record of 11,201 ton-per-day production.
Mr. Win Viriyaprapaikit, President of Sahaviriya Steel Industries PLC (“SSI”) reveals that in Q4/2009 the Company and its subsidiaries realized total revenues of Bt. 9.56 billion. Revenue from sales of hot-rolled coil was Bt.9.44 billion, up 470% y-o-y over Q4/2008 and net profit rose to Bt. 1.15 billion or earning per share of Bt.0.09.
For the full year 2009, the Company and its subsidiaries realized total revenues of Bt. 33.19 billion and revenue from sales of hot-rolled coil of Bt. 32.89 billion, up 22% y-o-y, and net profit of Bt.1.27 billion, or earning per share of Bt. 0.10.
“2009 was an excellent year for SSI as we successfully delivered a strong performance despite global economic crisis and difficult steel market as well as higher energy costs. We were able to turnaround from loss of Bt.1.88 billion in Q1 to generate profit of Bt.0.68 billion, Bt. 1.31 billion, and 1.15 billion in Q2, Q3, and Q4 respectively. This achievement was attributed to our commitment in transparency and good governance, our high-grade product strategy which provided good price and stable growth on the back of a strong recovery in automobile sector, our continual development of product and service quality, and our successful Cost-saving Program which resulted in 423 million baht cost saving for the period of October 2008 to December 2009, beating the original target of Bt.300 million. In the area of production, our plant at Bangsaphan, Prachuap Krikikhan Province, hit a new record of production at 11,201 tons per day on December 14, 2009.” Mr.Win added.
The Company is not only committed to business success to create returns for stakeholders, but also incessantly engages in community, environment, and social responsibility activities through sustainable development approach ranking from educational and career development, environment conservation and preservation, health promotion, and religious and culture maintenance for the community as well as social activities to support the underprivileged people. In 2009, the Company received numbers of outstanding award at national level including Thailand Energy Award 2009, the Prime Minister’s Industry Award 2009 for Productivity Management, Thailand Best Employer for Labor Relations and Welfare Award without Federation of Labor Union’s category for the fifth consecutive year (2005-2009), and the Certification for Corporate Social Responsibility, Department of Industrial Works (CSR-DIW).
“We expect that the global economy in 2010 will recover given stimulus plan by governments of major countries. The Iron and Steel Institution of Thailand (ISIT) estimates that Thailand’s steel consumption in 2010 will increase 12.3% while the Company expects that the domestic HRC consumption will increase to 4.97 million tons, contributed by 21% growth of high-grade products, following recovery of down-steam industries such as automobile and parts, energy, and construction sector.
เอสเอสไอเผยผลประกอบการไตรมาส4/2552 กำไร 1,151 ล้านบาท
เอสเอสไอฝ่ามรสุมอุตสาหกรรมเหล็ก-วิกฤติเศรษฐกิจสำเร็จ รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส4/2552 กำไร 1,151 ล้านบาท เผย 4 กลยุทธ์หลัก โปร่งใสมีธรรมาภิบาล – เน้นขายเหล็กแผ่นชั้นคุณภาพพิเศษ – เพิ่มส่วนแบ่งตลาดจากการมุ่งมั่นพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์และบริการ – เดินหน้าลดต้นทุนดำเนินงาน ครองแชมป์ยอดขายสูงสุดของประเทศ ด้านการผลิตสามารถทุบสถิติสูงสุด 11, 201 ตันต่อวัน
นายวิน วิริยประไพกิจ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สหวิริยาสตีลอินดัสตรี จำกัด (มหาชน) หรือ เอสเอสไอ เปิดเผยผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 4 ปี 2552 ว่า บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีรายได้รวม จำนวน 9,563 ล้านบาท โดยมีรายได้จากการขายเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดม้วนจำนวน 9,441 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7,786 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 470 จากงวดเดียวกันของปีก่อน และมีผลกำไรสุทธิ จำนวน 1,151 ล้านบาท คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้นเท่ากับ 0.09 บาทต่อหุ้น
สำหรับผลการดำเนินงานงวด 1 ปี2552 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายรวม 33,188 ล้านบาท โดยเป็นรายได้จากการขายเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดม้วนจำนวน 32,888 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5,922 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 22 จากงวดเดียวกันของปีก่อน และมีผลกำไรสุทธิ จำนวน 1,272 ล้านบาท คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้นเท่ากับ 0.10 บาทต่อหุ้น
“ในปี 2552 นับเป็นปีที่บริษัทประสบความสำเร็จมาก เนื่องจากสามารถทำให้ผลการดำเนินงานกลับมามีกำไรดี ท่ามกลางวิกฤติเศรษฐกิจตั้งแต่ระดับประเทศจนถึงระดับโลก รวมถึงต้นทุนพลังงานที่สูงขึ้น ประการสำคัญคือ ภาวะอุตสาหกรรมเหล็กที่ยังคงซบเซา แต่บริษัทสามารถพลิกสถานการณ์จากผลการดำเนินงานที่ขาดทุนในไตรมาสที่1/2552 จำนวน 1,875 ล้านบาท มาเป็นผลกำไร 684 ล้านบาท 1,313 ล้านบาท และ 1,151 ล้านบาท ในไตรมาสที่ 2,3 และ 4/2552 ตามลำดับ โดยมีกลยุทธหลักคือ 1.การดำเนินการโปร่งใสภายใต้หลักธรรมาภิบาลที่ดี 2. มุ่งเน้นการขายสินค้าประเภทเหล็กแผ่นชั้นคุณภาพพิเศษ (High Grade Product) ซึ่งมีราคาขายที่ดี ประจวบกับการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมยานยนต์ซึ่งเป็นผู้ใช้สำคัญ 3. การเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดโดยการมุ่งมั่นพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์และบริการให้ดียิ่งขึ้น ทำให้บริษัทมียอดขายเหล็กที่สูงสุดในประเทศไทย และ 4. โครงการประหยัด 300 ล้านที่ประสบความสำเร็จเกินเป้าหมาย ช่วยลดต้นทุนการดำเนินงานได้ทั้งสิ้น 423 ล้านบาทนับตั้งแต่เริ่มดำเนินกิจกรรมในเดือนตุลาคม 2551 จนถึงสิ้นปี 2552 นอกจากนี้ โรงงานผลิตเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดม้วนของบริษัทที่อำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ สามารถทำสถิติผลิตเหล็กแผ่นรีดร้อนได้สูงสุด11,201 ตันต่อวัน เมื่อวันที่ 14 ธันวาคมที่ผ่านมา ” กรรมการผู้จัดการใหญ่กล่าว และเพิ่มเติมว่า
“บริษัทไม่เพียงแต่สร้างผลตอบแทนแก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในด้านธุรกิจเท่านั้น แต่ ยังคงมุ่งมั่นสร้างผลตอบแทนแก่ชุมชน สังคม สิ่งแวดล้อม อย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ โดยจัดทำโครงการพัฒนาชุมชนและสังคมที่มุ่งไปสู่ความยั่งยืน ทั้งทางด้านการพัฒนาการศึกษา การพัฒนารายได้สู่ชุมชน การดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม การดูแลคุณภาพชีวิต วัฒนธรรม และสาธารณสุข รวมถึงกิจกรรมเพื่อสังคมสำหรับผู้ด้อยโอกาส นอกจากนี้บริษัทยังได้รับรางวัลต่างๆ ในระดับประเทศที่สำคัญ คือรางวัล Thailand Energy Award 2009 ประเภท ผู้บริหารด้านอนุรักษ์พลังงานในโรงงานควบคุมดีเด่น รางวัลอุตสาหกรรมดีเด่นประจำปี 2552 ประเภทการเพิ่มผลผลิต รางวัลเชิดชูเกียรติสถานประกอบกิจการดีเด่น ด้านแรงงานสัมพันธ์และสวัสดิการแรงงาน 5 ปี ติดต่อกัน (พ.ศ. 2548 – 2552) ประเภทไม่มีสหภาพแรงงาน เกียรติบัตรผู้ประกอบการที่ผ่านเกณฑ์ธรรมาภิบาลสิ่งแวดล้อม และเกียรติบัตรการปฏิบัติตามมาตรฐานความรับผิดชอบของผู้ประกอบการอุตสาหกรรมต่อสังคม (CSR-DIW)”
บริษัทคาดการณ์ว่าในปี 2553 เศรษฐกิจโลกจะเริ่มฟื้นตัวจากการปฏิบัติตามแผนกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศต่างๆ ทั้งนี้สถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทยประเมินความต้องการใช้เหล็กของประเทศไทยจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 12.3 ในขณะที่บริษัทประมาณการว่า ปริมาณการบริโภคเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดม้วนของประเทศจะยังคงขยายตัวอยู่ที่ 4.97 ล้านตัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดม้วนชั้นคุณภาพพิเศษซึ่งคาดว่าจะเติบโตร้อยละ 21 เนื่องจากการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมต่อเนื่อง อาทิ อุตสาหกรรมยานยนต์ อุตสาหกรรมพลังงาน อุตสาหกรรมการก่อสร้าง