SSI has successfully achieved 26 million tons of accumulated HRC production on 19 March 2012, the highest among all steel companies in Thailand. SSI Teesside plant start-up imminent, in sync with the recovery of global economy-steel industry, to support HRC sales target of 2.4 million tons this year. Focuses on Premium Value Products (PVP) with 39% sales ratio in 2011; expects domestic flat steel market to grow 7-8 % per year for the next 10 years.
Mr. Win Viriyaprapaikit, Group CEO and President of Sahaviriya Steel Industries Public Company Limited (SSI) revealed that on 19 March 2012, SSI Bangsaphan Plant in Prachuab Khirikhan produced hot-rolled steel sheet in coil accumulatively to 26 million tons, the first and highest record among Thai steel companies, which underlines its market leadership position in Thailand.
“This cumulative 26 million tons is the result of our continuous effort in technical and operational development to service the high growth in demand of domestic market. And also our effort in the innovation of Premium Value Products (PVP) – High Grade Products, Unique Products and Innovated Value Products. In 2011, these Premium Value Product accounts for 39% of our total sales.”
“I deeply appreciate the customers and the community who helped contribute to this success. I also thank all employees whose hard work and dedication in the last 20 years helped SSI to grow and overcome many difficult challenges. This marks an important history for SSI and Thailand’s steel industry.” Group CEO and President of SSI added.
“In addition, SSI Teesside’s imminent production start-up will be timely to support our sales volume from Q2/2012. It is good market timing as the global economic outlook is improving and the steel industry is in an uptrend after passing the trough in the last quarter of 2011. This raw material security will enhance our sales volume to reach 2.4 million tons and our ability to raise the ratio of Premium Value Products and therefore the profit margin.
The company expects Thai flat steel market to grow by 7-8 % per year for the next 10 years.
“เอสเอสไอ”ผลิตเหล็กแผ่นรีดร้อนทะลุ26ล้านตัน
โรงถลุงอังกฤษจะเริ่มผลิต หนุนเป้าขายปีนี้2.4ล้านตัน
เอสเอสไอทำสถิติผลิตเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดม้วนสูงสุดครบ 26 ล้านตัน รายแรกของบริษัทเหล็กไทยเมื่อวันที่ 19 มีนาคม เผยผลักดันการขายโดยเน้นผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่มพิเศษร้อยละ 39 จากยอดขายรวมในปี 2554 ด้านโรงงานเอสเอสไอทีไซด์เริ่มผลิตเร็วๆนี้สอดรับเศรษฐกิจโลก-อุตสาหกรรมเหล็กขาขึ้นมั่นใจเป้าขาย 2.4 ล้านตันปีนี้ คาดตลาดเหล็กแผ่นในประเทศแนวโน้มเติบโตในอัตราสูงถึงร้อยละ 7-8 ต่อปี ในระยะ 10 ปีข้างหน้า
นายวิน วิริยประไพกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.สหวิริยาสตีลอินดัสตรี หรือ เอสเอสไอ เปิดเผยว่าเมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2555 โรงงานผลิตเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดม้วนของบริษัทที่อำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ บรรลุยอดการผลิตเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดม้วนสะสมปริมาณ 26 ล้านตัน ซึ่งแสดงถึงความเป็นผู้นำในตลาดเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดม้วนของประเทศ นับเป็นสถิติยอดการผลิตสะสมสูงสุดและเป็นรายแรกของบริษัทเหล็กของคนไทย
“ปริมาณการผลิตสะสมสูงสุด 26 ล้านตันนี้ เป็นเพราะเอสเอสไอมีการพัฒนาศักยภาพการผลิตอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองการบริโภคเหล็กแผ่นภายในประเทศที่มีความต้องการใช้สูงและเติบโตอย่างต่อเนื่อง รวมถึงความมุ่งมั่นของบริษัทในการนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่มพิเศษ (Premium Value Products) จำหน่ายให้กับลูกค้า ซึ่งประกอบด้วย ผลิตภัณฑ์ชั้นคุณภาพพิเศษ (High Grade Product) ผลิตภัณฑ์คุณลักษณะเฉพาะ (Unique Product) ผลิตภัณฑ์นวัตกรรมที่มีมูลค่าเพิ่มกับลูกค้า (Innovated Value Product) โดยในปี 2554 ที่ผ่านมาบริษัทสามารถผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่มพิเศษ คิดเป็นร้อยละ 39 จากปริมาณการขายรวม”
“นอกจากลูกค้าและชุมชนซึ่งเป็นส่วนสำคัญในความสำเร็จนี้แล้ว ผมขอขอบคุณพนักงานเอสเอสไอทุกคนที่ร่วมมือร่วมใจและทุ่มเททำงานอย่างหนักตลอดระยะเวลากว่า20ปีที่ผ่านมา ทำให้บริษัทมีความเจริญเติบโตและก้าวหน้า และร่วมกันฝันฝ่าอุปสรรคและความยากลำบากมาได้หลายครั้ง การบรรลุยอดการผลิตเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดม้วนสะสมครบ 26 ล้านตัน นับเป็นประวัติศาสตร์สำคัญอีกหน้าหนึ่งของอุตสาหกรรมเหล็กของประเทศไทย และสร้างความภาคภูมิใจอย่างยิ่งให้กับเอสเอสไอ”ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม และกรรมการผู้จัดการใหญ่เอสเอสไอกล่าว
นายวินกล่าวว่าหลังจากโรงงานเอสเอสไอทีไซด์ซึ่งเป็นโรงถลุงเหล็กที่อังกฤษของบริษัทจะเริ่มผลิตเหล็กแท่งแบนในเร็วๆนี้สามารถเข้ามาเสริมยอดการผลิตและยอดขายของบริษัทฯจากไตรมาส 2/2555 เป็นต้นไป ซึ่งนับเป็นช่วงจังหวะที่ดีเพราะเศรษฐกิจโลกและอุตสาหกรรมเหล็กกำลังปรับตัวในทิศทางขาขึ้นหลังผ่านจุดตํ่าสุด ความมีเสถียรภาพทางด้านวัตถุดิบนี้ จะทำให้เอสเอสไอสามารถบรรลุเป้าหมายการขายที่ 2.4 ล้านตันในปี 2555 และสามารถปรับเพิ่มสัดส่วนการขายผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่มพิเศษและความสามารถในการทำกำไรเพิ่มสูงอีกขึ้นด้วย
ทั้งนี้บริษัทคาดการณ์ว่าตลาดเหล็กแผ่นในประเทศไทยมีแนวโน้มที่จะเติบโตในอัตราสูงถึงร้อยละ 7-8 ต่อปี ในระยะ10 ปีข้างหน้า