SSI posted a net profit of Bt 17.7 million in Q3/10 with revenue from sales of hot rolled coil up 22.4 % y-o-y to Bt 11.24 billion. The Company achieved 533,376 tons shipment despite weakness in the global steel market, obtained new customers, and continued to expand on sale of Premium Value Products. Total target sales volume for 2010 sales volume is revised downward to 2.3 million tons although 2010 will still be the record year in terms of sales volume. The MOU with Tata Steel Europe (‘TSE’, formerly known as Corus) on the proposed asset acquisition of TSE’s upstream steel production facilities, Teesside Cast Products, will pave way for SSI in becoming the largest vertically integrated steel producer in ASEAN, reinforcing its strength in high-grade steel sheets, and generating stable earnings.

Mr. Win Viriyaprapaikit, President of Sahaviriya Steel Industries PLC (“SSI”) reveals that in the third quarter of 2010, the Company and its subsidiaries realized total sales revenue of Bt. 11.52 billion. Revenue from sales of hot-rolled coil was Bt.11.24 billion, an increase of Bt.2.06 billion or 22.4 % from the same period of last year and net profit for the quarter was Bt. 17.7 million. For the nine-month period, the Company and its subsidiaries realized total sales revenue of Bt. 37.12 billion and revenue from sales of hot-rolled coil of Bt. 36.56 billion, an increase of Bt.13 billion or 55.2 % up from the same period of last year. Net profit was Bt. 2.39 million, representing earning per share of Bt. 0.18.

“Despite weakness in the global steel market in Q3/10, SSI achieved 533,376 tons shipment due to the strong domestic demand or a 9 % increase in total sales volume over the same period last year. The Company has obtained 3 new customers while remaining focused on expanding sales of Premium Value Products. In addition, the Company’s jointly-controlled entity and subsidiaries also delivered good return to SSI. In Q3/10, SSI recognized net profit from investment in Thai Cold Rolled Steel Sheet PLC (“TCRSS”) of Bt.84.2 million. SSI also recognized net profit from West Coast Engineering Co., Ltd. (“WCE”) of Bt.12.9 million, and net profit from Prachuap Port Co., Ltd (“PPC”) of Bt.19.6 million.” Said Mr.Win.

Mr. Win said that the company has adjusted downwards 2010 sales volume to 2.3 million ton due to slowdown in global economic recovery, however, 2010 will be the highest record year in terms of sales volume (previous high record was 1.95 million tons in 2003).

Mr. Win said that on August 27, 2010, SSI signed a Memorandum of Understanding (“MOU”) with Tata Steel Europe (formerly known as Corus UK Limited), a subsidiary of Tata Steel Group, relating to the proposed asset acquisition of Corus’s upstream steel production facilities, Teesside Cast Products (the “Proposed Acquisition”). The indicative transaction value is approximately USD500 million. This transaction will make SSI the largest vertically integrated steel producer based in South East Asia, strengthen its capabilities in high-grade steel sheets to support the growing demand from down-stream industries e.g. the automobile, energy, transportation and packaging industries as well as provide opportunities and platform for further business expansion and diversification from up-stream to down-stream industries. Moreover, it will provide SSI greater flexibility in responding to and meeting its customers’ requirements. At the same time, the acquisition will make SSI more resilient in withstanding market volatility, resulting in greater stability revenues and earnings.

Global and domestic steel prices have gone through a correction period most evident towards the end of Q3/2010 and continuing into Q4/2010. Demand is set to rebound in line with continued recovery in manufacturing sector, assisted by various investment projects from the public sector as well as the restoration projects after the major flood. Growth in down-stream industries particularly the automobile and energy sectors including production of gas cylinders, gas pipe, and transformers, which use high-grade steel sheets as raw materials, will result in favorable outlook on demand for high-grade steel sheets.

About SSI

Sahaviriya Steel Industries PLC or SSI is Southeast Asia’s largest producer of hot rolled steel sheet in coils (HRC), with 4 million ton annual capacity, and focuses on the development and production of high-grade steel sheets to cater to the regional growing demand in various sectors such as automobile, energy, transportation and construction sectors. SSI has joint-venture investments in downstream plants, namely Thai Cold Rolled Steel Sheet PLC or TCR – Thailand’s first and largest cold roll mill, and Thai Coated Steel Sheet Co Ltd or TCS – Southeast Asia’s first and largest electro-galvanizing line. The plants are located on a world-class coastal industrial site in Bang Saphan, Prachuap Khirikhan Province, 400km south of Bangkok on the western peninsula of Thailand, where they are efficiently integrated with its privately-owned deep-sea port (Prachuap Port Co Ltd or PPC), which allows import of raw materials and export of finished products on a large economy of scale. SSI extends its engineering capabilities into its wholly-owned subsidiary, West Coast Engineering Co Ltd or WCE, which specializes in engineering, maintenance, spare parts production, fabrication, erection and commissioning service. Our people’s passion and energy is captured in the Company’s vision statement – “innovate premium value steel products and services for customers; generate consistent profit and sustainable value for stakeholders.”

For further information, please visit the Company’s website at http://www.ssi-steel.com

เอสเอสไอประกาศไตรมาส3/2553กำไร17.7ล้านบาท

ดันยอดส่งมอบ5.3แสนตันต้านกระแสตลาดเหล็กซบ

เอสเอสไอเปิดเผยผลการดำเนินงานไตรมาส3/2553กำไร 17.7 ล้านบาท มีรายได้จากการขายเหล็กแผ่นรีดร้อน 11,238.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 22.4 เน้นขายผลิตภัณฑ์นวัตกรรมที่มีมูลค่าเพิ่มกับลูกค้า เผยยอดส่งมอบผลิตภัณฑ์ยังสูง 533,376 ตัน และ ยังได้ลูกค้าใหม่แม้ตลาดเหล็กซบเซา ปรับเป้าผลิตปีนี้เป้น 2.3 ล้านตันแต่ยังเป็นสถิติสูงสุดของเอสเอสไอ ชี้เซ็นเอ็มโอยูซื้อโรงถลุงเหล็ก Teesside Cast Products จากกลุ่ม Tata ทำให้เอสเอสไอเป็นผู้ผลิตเหล็กแผ่นครบวงจรรายใหญ่ที่สุดในอาเซียน และมีจุดแข็งทางด้านเหล็กแผ่นชั้นคุณภาพพิเศษ มั่นคงในเชิงรายได้และผลกำไร

นายวิน วิริยประไพกิจ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สหวิริยาสตีลอินดัสตรี จำกัด (มหาชน) หรือ เอสเอสไอ เปิดเผยผลประกอบการไตรมาส3/2553 ว่า บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีรายได้จากการขายรวม จำนวน 11,523.8 ล้านบาท โดยมีรายได้จากการขายเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดม้วนจำนวน 11,238.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,060.2 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 22.4 จากงวดเดียวกันของปีก่อน และมีผลกำไรสุทธิ จำนวน 17.7 ล้านบาท สำหรับงวด 9 เดือน บริษัทฯ มีรายได้จากการขายรวม 37,126 ล้านบาท โดยเป็นรายได้จากการขายเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดม้วนจำนวน 36,562.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13,004 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 55.2 จากงวดเดียวกันของปีก่อน และมีผลกำไรสุทธิ จำนวน 2,391ล้านบาท คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้นเท่ากับ 0.18บาทต่อหุ้น

“ในไตรมาส 3/2553 นี้อุตสาหกรรมกรรมเหล็กอยู่ในภาวะซบเซา ราคาเหล็กในตลาดโลกยังปรับตัวขึ้นช้ากว่าต้นทุนวัตถุดิบผู้ประกอบการอุตสาหกรรมได้รับผลกระทบถ้วนหน้า อย่างไรก็ตามท่ามกลางภาวะดังกล่าว บริษัทสามารถผลิตและส่งมอบผลิตภัณฑ์เหล็กแผ่นรีดร้อนได้ถึง 533,376 ตันซึ่งส่วนใหญ่เป็นตลาดภายในประเทศที่มีความต้องการใช้สูง หรือคิดเป็นปริมาณการขายเพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 9 เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน โดยบริษัทมีลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้น 3 รายในไตรมาสที่ 3/2553 พร้อมกับเน้นการขายผลิตภัณฑ์นวัตกรรมที่มีมูลค่าเพิ่มกับลูกค้า (Premium Value Products) นอกจากนี้ บริษัทได้รับประโยชน์จากบริษัท เหล็กแผ่นรีดเย็นไทย จำกัด (มหาชน) (TCRSS) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุน โดยรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทดังกล่าว จำนวน 84.2 ล้านบาท และรับรู้ผลการดำเนินงานบริษัทย่อย คือ บริษัท เวสท์โคสท์เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (WCE) ซึ่งมีผลกำไรจากการดำเนินงาน 12.9 ล้านบาท และบริษัท ท่าเรือประจวบ จำกัด (PPC) ซึ่งมีผลกำไรจากการดำเนินงาน 19.6 ล้านบาท”

นายวินกล่าวว่า จากการชะลอตัวของภาวะเศรษฐกิจโลกบริษัทจึงได้ปรับเป้ายอดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดม้วนในปี 2553 เป็น 2.3 ล้านตัน อย่างไรก็ตาม ปี 2553 นี้จะยังคงเป็นปีที่บริษัทสามารถจำหน่ายผลิตภัณฑ์เหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดม้วนได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ จากสถิติเดิมที่เคยมียอดจำหน่ายสูงสุด1.95 ล้านตัน เมื่อปี 2546

นายวินกล่าวว่า เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม ที่ผ่านมา บริษัทได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจ กับ Corus UK Limited (Corus) ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่ม Tata Steel Group ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมเหล็กรายสำคัญของโลก เพื่อแสดงเจตนารมณ์ในการพิจารณาเข้าทำรายการซื้อสินทรัพย์โรงงานถลุงเหล็ก Teesside Cast Products (TCP) ของ Corus มูลค่าประมาณ 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หากการดำเนินงานเข้าซื้อโรงงานถลุงเหล็ก TCP ได้สำเร็จ จะทำให้เอสเอสไอเป็นผู้ผลิตเหล็กแผ่นครบวงจรรายใหญ่ที่สุดในอาเซียน และมีจุดแข็งทางด้านเหล็กแผ่นชั้นคุณภาพพิเศษ พร้อมที่จะรองรับการเติบโตของเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมสำคัญต่างๆ เช่น พลังงาน ขนส่ง ยานยนต์ บรรจุภัณฑ์ มีฐานธุรกิจที่มีศักยภาพที่จะขยายกำลังการผลิตและส่วนแบ่งตลาดทั้งต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ มีความสามารถสูงในการตอบสนองตลาดและบริการลูกค้า และมีความยืดหยุ่นพร้อมเผชิญกับความผันผวน รวมถึงมีความมั่นคงในเชิงรายได้และผลกำไร

“ในส่วนของภาวะอุตสาหกรรมเหล็กโลกและภายในประเทศนั้น ราคาได้เริ่มปรับตัวไปแล้วในปลายไตรมาสที่ 3/2553 และมีสัญญาณที่ดีขึ้นสำหรับไตรมาสที่ 4 เนื่องจากกำลังซื้อที่เริ่มกลับมาตามวงจรของอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการลงทุนต่างของรัฐบาล การฟื้นฟูประเทศหลังประสบปัญหาอุทกภัย และการเติบโตของอุตสาหกรรมต่อเนื่องที่ต้องการใช้เหล็กแผ่นที่มีคุณภาพพิเศษเป็นวัตถุดิบ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมยานยนต์และอุตสาหกรรมพลังงาน อาทิ ถังก๊าซ ท่อก๊าซ และหม้อแปลง ซึ่งจะส่งผลดีต่อตลาดสินค้าเหล็กแผ่นชั้นคุณภาพพิเศษให้เติบโตตามไปด้วย” นายวินกล่าว

เกี่ยวกับเอสเอสไอ

บริษัท สหวิริยาสตีลอินดัสตรี จำกัด (มหาชน) หรือ เอสเอสไอ เป็นผู้ผลิตเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดม้วนรายใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยกำลังการผลิตเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดม้วนสูงสุด 4 ล้านตันต่อปี โดยมุ่งเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์เหล็กแผ่นชั้นคุณภาพพิเศษเพื่อรองรับความต้องการใช้เหล็กที่เพิ่มขึ้นของภูมิภาค สำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ พลังงาน ขนส่ง และการก่อสร้าง นอกจากนี้ เอสเอสไอมีการร่วมลงทุนในโครงการต่อเนื่องที่สำคัญ ประกอบด้วย บริษัท เหล็กแผ่นรีดเย็นไทย จำกัด (มหาชน) (TCRSS) ซึ่งเป็นผู้ผลิตเหล็กแผ่นรีดเย็นรายแรกและรายใหญ่ที่สุดของประเทศไทย บริษัท เหล็กแผ่นเคลือบไทย จำกัด (TCS) ผู้ผลิตเหล็กแผ่นเคลือบสังกะสีด้วยกรรมวิธีทางไฟฟ้ารายแรกและรายใหญ่ที่สุดของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โรงงานทั้งหมดในกลุ่มเอสเอสไอ ตั้งอยู่บนชายฝั่งด้านตะวันตกของอ่าวไทย ณ อำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงเทพมหานคร เพียง 400 กิโลเมตร และเป็นทำเลยุทธศาสตร์ที่ดีที่สุดในประเทศสำหรับการดำเนินธุรกิจเหล็กแบบครบวงจรบริษัท ท่าเรือประจวบ จำกัด ให้บริการท่าเรือพาณิชย์เอกชนที่มีความลึกที่สุดในประเทศไทย รองรับการขนถ่ายวัตถุดิบและผลิตภัณฑ์เหล็กได้ในปริมาณมาก นอกจากเอสเอสไอยังขยายขีดความสามารถในงานวิศวกรรมบริการโดยลงทุนใน บริษัท เวสท์โคสท์ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด ให้บริการงานด้านวิศวกรรม และซ่อมบำรุง รวมถึงการออกแบบทางวิศวกรรมที่มีความเชี่ยวชาญในธุรกิจเหล็ก พนักงานของเอสเอสไอทุกคนมีความมุ่งมั่นและพลังขับเคลื่อนสู่ความสำเร็จซึ่งสะท้อน ผ่านวิสัยทัศน์พันธกิจของบริษัท“สร้างสรรค์นวัตกรรมผลิตภัณฑ์เหล็กและบริการที่มีมูลค่าเพิ่มกับลูกค้า สร้างกำไรสม่ำเสมอ สร้างผลตอบแทนแก่ผู้มีส่วนได้เสียอย่างยั่งยืน”

ท่านสามารถสืบค้นข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://www.ssi-steel.com

Leave a Reply