SSI Teesside plant reaches a big milestone, started warming up hot blast stoves to be ready for subsequent blast furnace blow in, work completed over 90%, good market timing as steel price is in uptrend, aims to capture strong demand in Atlantic and Middle East market, and supply to HRC plant in Thailand to boost high grade products with higher margin.

          As an update of the ongoing SSI UK Restart Project to recommission steelmaking operation in Teesside, SSI UK announced today that heating up of the hot blast stoves has now commenced (31 January). The four stoves which are gas heated form an integral part of the blast furnace operation and their function is to heat the blast of air which is blown into the furnace during the iron making process. The gradual heating up of the stoves will take a number of weeks to complete and for them to be brought up to the required working temperature of circa 1200 degrees centigrade.

Phil Dryden, Chief Executive of SSI UK said:

“We have made good progress on the project during January and over 90% of the work is now completed. The heating up of the hot blast stoves is a significant milestone in the programme leading to the restart of operations and I am looking forward to us completing the remaining work over the next few weeks. The finishing line is now in sight and we will announce the blast furnace blow in date within the next few weeks.”

Win Viriyaprapaikit, Group CEO and President of SSI Said:

“This is a major milestone for our group.  The current market timing is good as steel price is on the uptrend, which will support this year’s sales plan at both SSI and SSI UK.  Steel slab output from SSI Teesside will be partially targeted to serve strong demand in the Atlantic market such as US, Mexico, EU, Mediterranean and Middle East.

โรงถลุงเอสเอสไอทีไซด์จุดเตาอุ่นเครื่องผลิตแล้ว
พร้อมขายตลาดแอตแลนติกและส่งป้อนไทย – จังหวะดีเหล็กขาขึ้น

โรงถลุงเหล็กเอสเอสไอ ทีไซด์ก้าวถึงจุดสำคัญ เริ่มอุ่นเตาเผาอากาศเตรียมพร้อมรับการถลุงเหล็กแล้ว งานปรับปรุงแล้วเสร็จร้อยละ 90  เผยจังหวะดีเพราะตลาดเหล็กอยู่ในช่วงขาขึ้น ตลาดแถบแอตแลนติก ตะวันออกกลางขานรับ พร้อมส่งเป็นวัตถุดิบธุรกิจเหล็กแผ่นรีดร้อนในไทยเพื่อเพิ่มผลิตภัณฑ์ชั้นคุณภาพสูงสร้างผลกำไรดี

บริษัท สหวิริยาสตีลอินดัสตรี ยูเค จำกัด (เอสเอสไอ ยูเค) รายงานความคืบหน้าโครงการปรับปรุงโรงถลุงเหล็ก โรงงานเอสเอสไอทีไซด์ ประเทศอังกฤษว่า วันนี้ (31มกราคม) ได้เริ่มอุ่นเตาเพื่อให้ความร้อนเตาเผาอากาศแล้ว เตาเผาอากาศทั้ง 4 ชุดนี้เป็นส่วนสำคัญสำหรับการทำงานของเตาถลุงเหล็ก ซึ่งทำหน้าที่ให้ความร้อนกับอากาศที่จะผ่านเข้าไปในเตาถลุงระหว่างกระบวนการผลิต ความร้อนของเตาจะค่อยๆเพิ่มขึ้นจนถึง 1,200 เซลเซียสจึงจะสามารถใช้งานได้ ซึ่งจะใช้ระยะเวลาในการเพิ่มความร้อนเตาเผาอากาศในอีกไม่กี่สัปดาห์

มร.ฟิล ดรายเดน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สหวิริยาสตีลอินดัสตรี ยูเค จำกัด (เอสเอสไอ ยูเค) เปิดเผยว่าในเดือนมกราคมโครงการมีความก้าวหน้าที่ดี งานทั้งหมดแล้วเสร็จกว่าร้อยละ 90 และการอุ่นเตาเพื่อให้ความร้อนเตาเผาอากาศเป็นจุดสำคัญที่นำไปสู่การเริ่มดำเนินการผลิต และคาดว่าจะใช้เวลาอีกไม่กี่สัปดาห์ในการทำงานที่เหลือให้แล้วเสร็จ ขณะนี้เรามองเห็นเส้นชัย และจะสื่อสารให้ทราบถึงวันที่เริ่มถลุงเหล็กในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า

นายวิน วิริยประไพกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม และ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทสหวิริยาสตีลอินดัสตรี จำกัด (มหาชน) หรือ เอสเอสไอ เปิดเผยว่า โครงการปรับปรุงโรงถลุงเหล็ก SSI UK ได้ก้าวมาสู่จุดสำคัญที่จะนำไปสู่การเริ่มต้นการผลิตเหล็กแท่งแบน นับเป็นช่วงจังหวะที่ดีเพราะอุตสาหกรรมเหล็กอยู่ในช่วงขาขึ้น และส่งเสริมให้ยอดขายปี2555 นี้เติบโตขึ้นมาก ทั้งนี้เหล็กแท่งแบนที่ผลิตได้ส่วนหนึ่งจะส่งไปขายเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าในแถบแอตแลนติก เช่น อเมริกา เม็กซิโก กลุ่มประเทศอียูและเมดิเตอร์เรเนียน และ ตะวันออกกลาง และส่วนหนึ่งจะส่งมาเป็นวัตถุดิบสำหรับโรงงานผลิตเหล็กแผ่นรีดร้อนในประเทศไทย ทำให้เอสเอสไอสามารถปรับเพิ่มสัดส่วนการขายสินค้าชั้นคุณภาพพิเศษซึ่งความต้องการใช้ในประเทศกำลังเติบโต และจะส่งผลต่อความสามารถในการทำกำไรเพิ่มสูงขึ้นด้วย

โรงงานเอสเอสไอทีไซด์เป็นโรงถลุงเหล็กและผลิตเหล็กกล้าครบวงจรที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสอง ของทวีปยุโรป ด้วยกำลังการผลิตเหล็กแท่งแบน (Slab) ประมาณ 3.6 ล้านตันต่อปี ทำให้เอสเอสไอก้าวขึ้นเป็นผู้ผลิตเหล็กครบวงจรรายใหญ่ที่สุดของอาเซียน

 

Leave a Reply