On 24 February 2011, SSI marks a new chapter in Thailand’s steel industry history by signing a deal to acquire UK’s Teesside Cast Products, a fully integrated iron-and-steel making facility for USD 469 million from Tata Steel UK Limited. SSI aims to get TCP back to its full production capacity as soon as possible. This transaction will create additional 800 jobs for communities in UK and enable SSI to expand its sales to 3.5 million tons per year in the next 3 years. Direct benefits will be achieved through reduction in per unit production cost and raw materials transportation cost and enhancement of profit margin from expansion to high-grade steel production. Further interest savings are also expected from the shortened working capital cycle. This strategic backward integration will make SSI more resilient in withstanding market volatility in steel industry. The success of this deal came as a result of support from the local communities, full support from UK government, and THB 23,900 million and USD600 million financial supports from SCB, KTB and TISCO.
Mr. Win Viriyaprapaikit, President of Sahaviriya Steel Industries PLC (“SSI”) reveals that SSI has signed a Sale and Purchase Agreement with Tata Steel UK Limited for the acquisition of Teesside Cast Products, a fully integrated iron and steel making facility, located in the northeastern England. The transaction value is approximately USD469 million. The signing took place in London on 24 February 2011 subsequent to the signing on the same day in Bangkok of the credit facility agreements in which long term loan and working capital facilities totaling THB 23,900 million were made available to SSI, and long term loan and working capital facilities totaling USD600 million were granted to Sahaviriya Steel Industries UK Limited (“SSI UK”). The financing facilities are provided by 3 financial institutions: Siam Commercial Bank PLC, Krung Thai Bank PCL, and TISCO Financial Group PLC.
In March 2011, the assets will be transferred to SSI UK, a UK registered subsidiary of SSI. TCP currently employs 700 workforces and 800 more jobs will be added to resume the operation at TCP which has been mothballed since 19 February 2010.
The acquisition of TCP enables SSI to fulfill its long-standing objective of becoming a fully integrated steel world class manufacturer with solid foundation for future growth, gain more resilience in withstanding market volatility in steel industry, and increase its sales of hot rolled coils from 2.24 tons in 2010 to 3.5 tons per year in the next 3 years. This expected 56% increase in sales volume will help achieve reducing its production cost by THB 170 per tons or THB 590 million per year, savings from raw material transportation cost of THB790 million per year by using the Panamax-size vessels, reduction interest cost of THB 120 million per year from lower raw material inventory requirement, and incremental profit margin of THB 1,640 million per year from ability to expand its market share in the high grade steel market.
This transaction is in accordance with SSI’s strategy to expand business to upstream steel industry, to support SSI’s current hot rolled coil production and to become the largest vertically integrated steel manufacturer based in South East Asia. Mr. Win stated that this transaction was the major historical event not only for TCP but also for SSI as the largest hot rolled coil in both Thailand and ASEAN. This investment by SSI will create stability in Thailand’s domestic iron and steel supply which is crucial to the country development. It will also reduce Thailand’s steel deficits of THB 400,000 million, lessen cost volatility for any development project that uses steel as major raw material, and profits from TCP will also be the country’s earning as well. This acquisition could not have happened if there were no engagement from local communities on steel industry, as well as a great support from UK government. We hope that we can continue the production of the highest quality slab as soon as possible.
ดีลประวัติศาสตร์เหล็กไทยSSIเซ็นซื้อโรงถลุงTCPอังกฤษ
3แบงก์เชื่อมั่นหนุน23,900 ล้านบาท-600ล้านเหรียญลงทุน
ประวัติศาสตร์หน้าใหม่อุตสาหกรรมเหล็กไทย เอสเอสไอลงนามซื้อขายโรงถลุงเหล็กและผลิตเหล็กกล้าครบวงจร (Teesside Cast Products) ประเทศอังกฤษ มูลค่า 469 ล้านเหรียญสหรัฐฯจาก Tata Steel UK Limited แล้วเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เดินหน้าดำเนินการให้โรงงานสามารถกลับมาผลิตเต็มกำลังโดยเร็ว พร้อมสร้างงานสร้างอาชีพให้ชุมชนที่อังกฤษไม่ต่ำกว่า800คน เผยหนุนปริมาณขายเอสเอสไอ เพิ่มขึ้นเป็น 3.5 ล้านตันในอีก3ปีข้างหน้า ลดต้นทุนการผลิต ค่าขนส่งวัตถุดิบและภาระดอกเบี้ย รวมทั้งกำไรจากส่วนต่างของราคาขายที่เพิ่มขึ้นจากการขยายตลาดผลิตภัณฑ์คุณภาพสูง สร้างภูมิต้านทานต่อทุกสถานการณ์ในวงจรอุตสาหกรรมเหล็ก ชี้ดีลสำเร็จเพราะชุมชน รัฐบาลอังกฤษสนับสนุนเต็มที่ ในขณะที่3 สถาบันการเงิน ไทยพาณิชย์ กรุงไทย ทิสโก้ มั่นใจร่วมสนับสนุนทางการเงินสกุลบาท 23,900 ล้านบาท และสกุลดอลลาร์ 600 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (18,000 ล้านบาท) พร้อมลงทุน
นายวิน วิริยประไพกิจ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทสหวิริยาสตีลอินดัสตรี จำกัด (มหาชน) หรือเอสเอสไอ เปิดเผยว่า บริษัทได้ลงนามในสัญญาซื้อขายสินทรัพย์โรงถลุงเหล็กและผลิตเหล็กกล้าครบวงจร (Teesside Cast Products) ซึ่งตั้งอยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของอังกฤษมูลค่าประมาณ 469 ล้านเหรียญสหรัฐฯจาก Tata Steel UK Limited ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา การลงนามในสัญญาซื้อขายนี้เกิดขึ้นหลังจากการลงนามการสนับสนุนทางการเงิน ได้แก่ สัญญาเงินกู้ระยะยาวและเงินทุนหมุนเวียนจำนวน 23,900 ล้านบาทแก่บริษัท สหวิริยาสตีลอินดัสตรี จำกัด (มหาชน) และสัญญาเงินกู้ระยะยาวและเงินทุนหมุนเวียนจำนวน 600 ล้านเหรียญสหรัฐ (18,000 ล้านบาท) แก่ Sahaviriya Steel Industries UK Limited (SSI UK)จาก 3 สถาบันการเงินประกอบด้วย ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารกรุงไทยและธนาคารทิสโก้ ในวันเดียวกันที่ประเทศไทย
สินทรัพย์ดังกล่าวจะถูกรับมาดำเนินการภายในเดือนมีนาคม 2554 โดยบริษัทย่อยของเอสเอสไอ คือ SSI UK ซึ่งจดทะเบียนจัดตั้งขึ้นที่ประเทศอังกฤษ การเข้าทำการซื้อขายครั้งนี้ และจะนำไปสู่การจ้างงานที่อังกฤษจะเกิดขึ้นสูงสุดเพิ่มขึ้นอีกไม่ต่ำกว่า 800 อัตรา เพิ่มขึ้นจากพนักงานที่ปฏิบัติงานอยู่ในปัจจุบัน 700 กว่าคนในโรงงานถลุงเหล็ก TCP บริษัทจะรับสมัครพนักงานเหล่านี้ทำงาน และเร่งสรรหาบรรจุพนักงานเพิ่มเติม ให้มาปฏิบัติงานเพื่อดำเนินการเดินการผลิตอย่างเต็มรูปแบบหลังจากที่โรงงานถลุง TCP ได้หยุดดำเนินการผลิตมาตั้งแต่วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2553
การซื้อสินทรัพย์ของ Teesside Cast Products (TCP) นอกจากจะทำให้เอสเอสไอบรรลุวัตถุประสงค์หลักสำหรับการก้าวสู่การเป็นผู้ผลิตเหล็กครบวงจรในระดับเวิลด์คลาส มีรากฐานที่แข็งแกร่งสำหรับการเติบโตในอนาคต และสร้างภูมิต้านทานให้กับบริษัทต่อทุกสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในวงจรอุตสาหกรรมเหล็กแล้ว ยังจะส่งผลให้ปริมาณขายผลิตภัณฑ์เหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดม้วนของบริษัทเพิ่มขึ้นจาก 2.24 ล้านตันในปี 2553 เพิ่มขึ้นเป็น 3.5 ล้านตันในอีก3ปีข้างหน้า หรือคิดเป็นปริมาณขายที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 56 ปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้นดังกล่าวจะส่งผลให้ บริษัทสามารถลดต้นทุนการผลิตได้ 170 บาทต่อตัน หรือเทียบเท่า 590 ล้านบาทต่อปี ประหยัดต้นทุนค่าขนส่งวัตถุดิบจากการขนส่งโดยใช้เรือที่มีขนาดระวางใหญ่ขึ้น (Panamax) 790 ล้านบาทต่อปี ลดภาระดอกเบี้ย 120 ล้านบาทต่อปีจากการสำรองวัตถุดิบที่ลดลง รวมทั้งความสามารถในการขยายตลาดผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงจะทำให้บริษัทมีกำไรจากส่วนต่างของราคาขายที่เพิ่มขึ้นประมาณ 1,640 ล้านบาทต่อปี
ทั้งนี้ การเข้าซื้อสินทรัพย์เป็นกลยุทธ์ของเอสเอสไอในการขยายธุรกิจ สู่อุตสาหกรรมเหล็กขั้นต้นน้ำ และรองรับกับกำลังการผลิตเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดม้วนของบริษัทที่มีอยู่ในปัจจุบัน และก้าวสู่การเป็นผู้ประกอบธุรกิจเหล็กแผ่นแบบครบวงจรรายใหญ่ในภูมิภาคเอเซียตะวันออกเฉียงใต้
นายวิน กล่าวว่าการซื้อสินทรัพย์นี้เป็นประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญทั้งของ Teesside Cast Products (TCP) และเอสเอสไอในฐานะที่เป็นผู้ประกอบการอุตสาหกรรมเหล็กแผ่นรีดร้อนรายใหญ่ที่สุดในอาเซียนของคนไทย และนับเป็นโอกาสและก้าวที่ท้าทายของบริษัทเหล็กคนไทยที่ไปลงทุนในต่างประเทศเพื่อสร้างความมั่งคงทางด้านเหล็ก โดยเฉพาะปริมาณสำรองเหล็กในประเทศซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการพัฒนาประเทศ ลดปัญหาการขาดดุลเหล็กให้กับประเทศปีละ4 แสนล้านบาท ลดความผันผวนต้นทุนโครงการพัฒนาต่างๆที่ต้องใช้เหล็กเป็นวัตถุดิบ ผลกำไรที่จะเกิดขึ้นถูกส่งกลับมาเป็นรายได้ของประเทศอีกด้วย
การซื้อสินทรัพย์นี้จะไม่สามารถเกิดขึ้นได้เลยหากปราศจากซึ่ง ความรักความผูกพันของชุมชนท้องถิ่น ที่มีต่ออุตสาหกรรมเหล็ก และความช่วยเหลือที่ดียิ่งจากรัฐบาลอังกฤษ เราหวังว่าจะกลับมาดำเนินการผลิตเหล็กแท่งแบนที่มีคุณภาพสูงสุดให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้